เตือนการเฝ้าระวัง โรครากเน่า โคนเน่า และโรคผลเน่า อะโวคาโด ประจำเดือน ตุลาคม 2568
6 ต.ค. 2568
15
0
เตือนการเฝ้าระวัง
เตือนการเฝ้าระวัง โรครากเน่า โคนเน่า และโรคผลเน่า อะโวคาโด ประจำเดือน ตุลาคม 2568

เตือนการเฝ้าระวัง โรครากเน่า โคนเน่า และโรคผลเน่า อะโวคาโด

     Phytophthora เป็นเชื้อราที่เป็นสาเหตุของโรครากเน่าในต้นอะโวคาโด ซึ่งเป็นโรคที่ร้ายแรงที่สุดอย่างหนึ่งในโลก. เชื้อ Phytophthora cinnamomi เติบโตได้ดีในดินที่มีน้ำมากเกินไปและระบายน้ำไม่ดี ทำให้รากเน่า ต้นไม้มีอาการใบเหลือง เหี่ยว และกิ่งแห้งตาย. การจัดการโรคทำได้หลายวิธี เช่น การใช้ต้นตอที่ทนทาน การปรับปรุงระบบระบายน้ำ การจัดการความชื้นในดิน และการใช้สารฆ่าเชื้อราทางการเกษตร

แนวทางป้องกัน/แก้ไข
     ๑. แปลงปลูกควรมีการระบายน้ำดี ไม่ควรมีน้ำท่วมขัง หากมีน้ำท่วมขังควรรีบระบายออก
     ๒. ปรับสภาพดินไม่ให้เป็นกรดจัด โดยใส่ปูนขาว หรือโดโลไมท์
     ๓. ปรับปรุงดิน โดยใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก เพื่อให้ดินสามารถดูดซับน้ำและธาตุอาหารได้ดี และรากพืชสามารถพัฒนาและนำอาหารพืชไปใช้ได้ง่าย
     ๔. ควรเลือกส่วนขยายพันธุ์ และวัสดุเพาะชำ จากแหล่งที่ไม่มีการระบาดของโรค และไม่มีร่องรอยการติดเชื้อ
     ๕. ตัดแต่งกิ่งหรือแขนงบริเวณโคนต้นออกให้โปร่ง เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้ดีขึ้น เป็นการลดความชื้น เพื่อป้องกันการระบาดของโรค
     ๖. เก็บใบกิ่งก้านที่ร่วงหล่นอยู่บริเวณโคนต้นออกไปเผาทำลายนอกแปลงปลูก เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของโรค
     ๗. ตรวจแปลงอย่างสม่ำเสมอ เมื่อพบพืชเริ่มแสดงอาการของโรค ใช้สารเมทาแลกซิล ๒๕% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา ๓๐-๕๐ กรัมต่อน้ำ ๒๐ ลิตร หรือ ฟอสอีทิล-อะลูมิเนียม ๘๐% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา ๓๐-๕๐ กรัมต่อน้ำ ๒๐ ลิตร พ่นให้ทั่วทั้งต้น และรดดินบริเวณหลุมปลูกและข้างเคียง ทุก ๗ วัน ควรหยุดใช้สารก่อนการเก็บเกี่ยว อย่างน้อย ๑๔ วัน
     ๘. หากพบอาการของโรคใบไหม้ ให้ตัดใบที่แสดงอาการ นำไปเผาทำลายนอกแปลงปลูก แล้วใช้สารตามข้อ ๗.
     ๙. ต้นที่เป็นโรครุนแรงมากหรือตาย ควรขุดออกนำไปเผาทำลายนอกแปลงปลูก แล้วรดดินในหลุมปลูกและบริเวณข้างเคียงด้วยสารเมทาแลกซิล ๒๕% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา ๓๐-๕๐ กรัมต่อน้ำ ๒๐ ลิตร หรือ ฟอสอีทิล-อะลูมิเนียม ๘๐% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา ๓๐-๕๐ กรัมต่อน้ำ ๒๐ ลิตร ให้ทั่ว ตากดินไว้ระยะหนึ่งจึงปลูกทดแทน
    ๑๐. ไม่นำเครื่องมือทางการเกษตรที่ใช้กับต้นเป็นโรคไปใช้ต่อกับต้นปกติ และควรทำความสะอาดเครื่องมือก่อนนำไปใช้ใหม่ทุกครั้ง
    ๑๑. ควรระมัดระวังการให้น้ำ ไม่ให้น้ำไหลผ่านจากต้นที่เป็นโรคไปต้นปกติ
    ๑๒. ในแปลงที่มีการระบาดของโรค ควรเปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่นที่ไม่ใช่พืชอาศัยของเชื้อสาเหตุโรคหมุนเวียน เพื่อตัดวงจรของโรค

ควบคุมโรครากเน่าและโคนเน่าโดยใช้ชีวภัณฑ์
     ควบคุมโรครากเน่าและโคนเน่าโดยใช้ชีวภัณฑ์ที่ผลิตได้จากเชื้อบาซิลลัส ซับทิลิส และเชื้อไตรโคเดอร์มา เชื้อบาซิลลัส ซับทิลิส 5102 สามารถรักษาโรครากเน่าโคนเน่าของอะโวคาโดซึ่งเป็นโรคชนิดเดียวกันที่เกิดกับทุเรียน วิธีการรักษาโดยลอกเปลือกบริเวณที่เป็นโรคและทาด้วยผลิตภัณฑ์ผงเชื้อบาซิลลัส ซับทิลิส 5102 จำนวน 4 ครั้ง รวมทั้งใช้เข็มฉีดเชื้อบาซิลลัส ซับทิลิส 5102 จำนวน 1 ครั้ง และใช้เชื้อไตรโคเดอร์มาราดรอบโคนต้น

ที่มา กรมวิชาการเกษตร

ตกลง