เกษตรประณีต
การทำการเกษตรประณีต (1 ไร่แก้จน) คือ การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรในพื้นที่ 1 ไร่ ให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุดโดยผู้ทำจะต้องยึดหลักในเรื่องของการออมน้ำ ออมดิน ออมต้นไม้ ออมสัตว์ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้การทำ 1 ไร่แก้จนมีความยั่งยืนและเกิดการเชื่อมโยงเป็นระบบนิเวศที่เกื้อกูลต่อกัน ประกอบด้วยปัจจัยพื้นฐานดังนี้
น้ำ เป็นปัจจัยสำคัญในการปลูกพืช เกษตรกรต้องมีน้ำใช้ให้เพียงพอกับความต้องการตลอดช่วงการเพาะปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ ดิน เป็นปัจจัยหลักที่จะช่วยให้พืชเจริญเติบโตได้ดี เพราะดินเป็นแหล่งของธาตุอาหารและอินทรีย์วัตถุมีจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ ถ้าดินดี มีชีวิต พืชก็จะเติบโตอย่างสมบูรณ์ โดยจะต้องมีจิตสำนึกในการใช้ดินอย่างอนุรักษ์และฟื้นฟูดินด้วยอินทรียวัตถุ ทั้งปุ๋ยคอก ปุ๋ยชีวภาพ และปุ๋ยพืชสด มีการปลูกพืชคลุมดินและไม่ใช้ปุ๋ยเคมีทำลายดิน ต้นไม้ นอกเหนือจากจะให้ผลผลิตไว้บริโภคแล้ว ยังมีส่วนในการเป็นพืชพี่เลี้ยงที่ให้ร่มเงา ช่วยดูดซับน้ำเพื่อรักษาความชุ่มชื้นในดิน และสร้างอินทรียวัตถุแก่ดิน ใบร่วงหล่น กลายเป็นปุ๋ยพืช ซึ่งการปลูกพืช จะปลูกทั้งข้าว พืชกินราก กินหัว ผัก ไม้เลื้อย ไม้เศรษฐกิจ ไม้ผล ไม้สมุนไพร ไม้พุ่ม ไม้ยืนต้น ไม้ใช้สอย ไม้ประดับไว้ไล่แมลง เพื่อเป็น อาหารและใช้สอย สัตว์ เป็นทั้งอาหาร และแรงงาน มูลของสัตว์นำมาใช้ฟื้นฟูบำรุงดิน และสัตว์ที่เลี้ยงไว้ สามารถนำไปจำหน่ายเพื่อเป็นแหล่งรายได้ของเกษตรกร
รูปแบบการทำเกษตรประณีต
หลักสำคัญในการทำการเกษตร คือ การออกแบบแบ่งพื้นที่โดยในพื้นที่เกษตรกรต้นแบบจะมีการปลูกผักไว้กินเองเมื่อเหลือจึงจำหน่าย การปลูกผักแต่ละชนิดจะมีการแบ่งตามฤดูกาลมีการเลี้ยงสัตว์ไว้เพื่อบริโภคและจำหน่าย เช่น ไก่เนื้อ ไก่ไข่ หมู วัว ควาย ปลา กบ ฯลฯ ก็จะเป็นเงินออมที่มากกว่าการขายผักเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ ระยะยาว ยังมีไม้ยืนต้น ไม้ผล และไม้เศรษฐกิจ และ การแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร
การจัดการพื้นที่ มีการเลือกพื้นที่ที่น้ำพอต่อความต้องการปลูกพืชตามแต่เจ้าของต้องการโดยปลูกที่ระดับยอดต่างกัน เกิดการใช้น้ำอย่างคุ้มค่า
การบำรุงดิน เกิดความรู้การใช้ปุ๋ยและน้ำหมักที่มาจากธรรมชาติ ปลูกพืชบำรุงดิน เช่น พืชตระกูลถั่ว
สาบเสือ ฯลฯ ปลูกไม้ยืนต้นเพื่อช่วยสร้างอินทรียวัตถุให้พื้นที่
การเลี้ยงปลาน้ำจืด ประเภทกินพืชโตเร็ว เช่น ปลาตะเพียน ปลานิล ปลาไน หรือปลากินพืช และสัตว์ เช่น ปลาดุก การขยายพันธ์ุปลา ปู กุ้ง หอย กบ ความรู้ในการเลี้ยงไก่ หมู วัว ควาย และ การนำมูลสัตว์มาบำรุงต้นไม้
การไล่แมลง ความรู้ในการสร้างความหลากหลายของระบบนิเวศของพืช เพื่อให้เกิดการควบคุมกันเองตามธรรมชาติ พบว่า สัตว์และพืชพื้นเมืองจะทนทานต่อโรคและแมลงได้ดี การนำสมุนไพรมาทำการไล่แมลง เช่น ใบสะเดา ใบตะไคร้หอม ข่าแก่ ใบยูคาลิปตัส เป็นต้น
การปลูกพืช ความรู้ในการอยู่ร่วมกันของพืชในเรือนยอด พืชที่อยู่ในดิน เช่น หัวมัน ข่า ขิง พืชเรือนยอดสูงกว่าเล็กน้อย เช่น ตะไคร้ แมงลัก โหระพา ฯลฯ พืชเรือนยอดสูงขึ้น เช่น กล้วย น้อยหน่า มะม่วง ฯลฯ และระดับเรือนยอดสูงเสียดฟ้า เช่น มะพร้าว หมาก ยางนา ฯลฯ หรือพืชที่เป็นพี่เลี้ยงกัน เช่น ผักหวานกับตะขบ รวมทั้งนำพืชที่ทนแล้ง เช่น สะเดา ขี้เหล็ก กระสัง มาปลูกในที่แล้ง และนำพืชทนน้ำท่วมขัง เช่น กระเจียว ผักกะหล่ำมาปลูกเพื่อให้เหมาะสมกับพื้นที่
การจัดการน้ำ ความรู้ในการเก็บกักน้ำให้เพียงพอจากการขุดสระ เจาะบ่อบาดาล สูบน้ำจากหนอง
คลอง บึง รวมทั้งมีการใช้น้ำในแต่ละระบบอย่างเช่น น้ำหยด และละอองฝอย
ความรู้ในการจัดการ 1 ไร่แก้จน คือ ต้องทำกิจกรรมการเกษตรหลายอย่างในพื้นที่ 1 ไร่ ไม่ทำเชิงเดี่ยว มีการพึ่งตนเอง ทำปุ๋ยใช้เอง ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี ไล่แมลงด้วยวิธีธรรมชาติ เก็บเมล็ดพันธุ์ไว้เพาะปลูกด้วยตนเอง โดยผสมผสานความรู้ในการเกษตรและการเลี้ยงสัตว์ มีการออกแบบผังการทำกิจกรรมแต่ละชนิดให้
สอดคล้องกัน และมีการเกื้อกูลกันในระบบนิเวศ ลดรายจ่าย สามารถสร้างปัจจัยในการดำรงชีวิตในพื้นที่
ของตนเองให้ได้ เพื่อลดการพึ่งพาปัจจัยภายนอกและลดต้นทุนการผลิต
ที่มา : ศูนย์เครือข่ายปราชญ์ชาวบ้านและพหุภาคีภาคอีสาน / หนังสือองค์ความรู้และภูมิปัญญาของปราชญ์ชาวบ้าน สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์