สภาพอากาศในช่วงนี้อากาศร้อนชื้น เตือนผู้ปลูกมะละกอ ในระยะ ติดผล รับมือโรคไวรัสจุดวงแหวน
๑. ระยะต้นกล้า
- ทำให้ต้นแคระแกร็น ใบอ่อนซีดเหลืองเส้นใบหยาบหนาขึ้น ใบด่างเป็นสีเขียวเข้มสลับสีเขียวอ่อน ถ้าเป็นมากใบจะมีขนาดเล็กลงบิดเบี้ยวผิดรูปร่าง ใบจะหงิกงอ บางครั้งใบเรียวเล็กลงเป็นเส้นยาวแทบจะไม่เห็นเนื้อใบ และอาจทำให้ต้นกล้าไม่เจริญเติบโตหรือตายได้
๒. ระยะต้นโต
- ใบแก่ ขอบใบจะม้วนขึ้นและหยัก ใบยอดเหลืองซีด มีขนาดเล็กลง ก้านใบสั้นใบจะด่างเหลืองสลับเขียว
- ลำต้นและก้านใบมีรอยเป็นขีดช้ำหรือรูปวงแหวน
- ต้นที่เป็นโรคจะติดผลเร็ว แต่ให้ผลผลิตต่ำ หรือไม่ให้ผลผลิตเลย และผลมีจุดวงกลมคล้ายวงแหวน บางครั้งเป็นสะเก็ดวงแหวน ถ้าอาการรุนแรงมากจะเป็นหูดนูนขึ้นมาและผิวขรุขระ ใบและช่อดอกจะหลุดร่วง ไม่ติดผล แคระแกร็น
แนวทางป้องกัน/แก้ไข
ไวรัสเป็นเชื้อสาเหตุโรคที่ยังไม่มีสารเคมีกำจัดโดยตรง การป้องกันการระบาดทำได้โดย
๑. ตรวจแปลงสม่ำเสมอ ถ้าพบต้นที่เป็นโรค ถอนแล้วนำไปทำลายนอกแปลงปลูก
๒. อุปกรณ์การเกษตร เมื่อใช้กับต้นที่เป็นโรค ควรทำความสะอาดก่อนนำไปใช้ใหม่
๓. กำจัดวัชพืชในแปลง และรอบแปลงปลูกสม่ำเสมอ เพื่อลดแหล่งสะสมเชื้อไวรัส และแมลงพาหะ
๔. กำจัดเพลี้ยอ่อน ซึ่งเป็นแมลงพาหะนำโรค โดยพ่นสารอิมิดาโคลพริด ๗๐% ดับเบิ้ลยูจี อัตรา ๔ กรัมต่อน้ำ ๒๐ ลิตร หรือ ไทอะมีทอกแซม ๒๕% ดับเบิ้ลยูจี อัตรา ๔ กรัมต่อน้ำ ๒๐ ลิตร หรือ ไดโนทีฟูแรน ๑๐% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา ๒๐ กรัมต่อน้ำ ๒๐ ลิตร หรือ โคลไทอะนิดิน ๑๖% เอสจี อัตรา ๑๕ กรัมต่อน้ำ ๒๐ ลิตร
๕. ไม่ปลูกพืชที่เป็นพืชอาศัยของเชื้อ ได้แก่พืชตระกูลแตง พืชตระกูลถั่ว มะเขือเทศ มะเขือยาว ตำลึง หงอนไก่ บานไม่รู้โรย และลำโพง เป็นต้น ใกล้แปลงปลูกมะละกอที่เป็นโรค
๖. ในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค ฤดูปลูกถัดไปควรปลูกพืชชนิดอื่นที่ไม่ใช่พืชอาศัยของเชื้อหมุนเวียน
ที่มา : สำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร