28 มี.ค. 61 (เวลา 09.00 น.) นางจันทร์ธิดา มีเดช ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เขต 6 เป็นประธานการประชุมติดตามการฟื้นฟูการผลิตสินค้าส้มโอทับทิมสยาม ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ณ ห้องประชุมสำนักงานเกษตรจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมเพื่อรายงานผลการดำเนินงานและสะท้อนปัญหาในพื้นที่ตามนโยบาย “ 3 ต. ต่อ - เติม - แต่ง” เพื่อให้ผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับทราบปัญหาสู่การผลักดันนโยบายให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกรในพื้นที่ นายวิรัตน์ ธรรมบำรุง ผู้อำนวยสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 7 สุราษฎร์ธานี ได้ให้ข้อมูลว่า เมื่อปี 2523 นายหวัง มัสแหละ ได้นำต้นส้มโอมาจากบ้านบราโอ ตำบลประจัน อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี มาปลูกที่บ้านแสงวิมาน ตำบลคลองน้อย อำเภอปากพนัง ปรากฏว่าลักษณะภูมิประเทศที่ตำบลคลองน้อยส่งผลให้ส้มโอมีรสหวานขึ้น ผิวของส้มโอสีเขียวจัด และมีขนอ่อนนุ่มคล้ายกำมะหยี่คลุมทั่วผล จากนั้นเกษตรกรได้คัดเลือกสายพันธุ์และปรับปรุงคุณภาพเรื่อยมา ในที่สุดก็ได้ส้มโอที่มีเนื้อสีแดงเข้มเหมือนสีทับทิม รสชาติหอมหวาน เนื้อนุ่มน่ารับประทาน จึงได้มีการตั้งชื่อขึ้นมาใหม่ว่า “ส้มโอพันธุ์ทับทิมสยาม” และเดิมพื้นที่ปลูกส้มโอทับทิมสยามในปัจจุบันนั้น เดิมเป็นที่ราบลุ่ม มีการทำนาข้าวมาก่อน มีระดับน้ำใต้ดินสูง ดินเหนียวจัด มีน้ำกร่อยท่วมขังทุกปี ประกอบกับพื้นที่หมู่บ้านแสงวิมานนิยมปลูกส้มโอพันธุ์ทองดีและได้ผลดี ต่อมาเมื่อมีการนำส้มโอพันธุ์ทับทิมสยามมาปลูกได้ผลดี รสชาติอร่อย มีราคาสูง เกษตรกรจึงหันมาปลูกส้มโอพันธุ์ทับทิมสยามกันมากขึ้น ราคาขายส่งจากสวนอยู่ที่ผลละ 150-300 บาท ราคาขายปลีกอยู่ที่ ผลละ 300-500 บาท ซึ่งเกษตรกรเป็นผู้กำหนดราคาเอง และเมื่อวางจำหน่ายในกรุงเทพฯ ราคาก็สูงขึ้นเป็นเท่าตัว อยู่ที่ ผลละ 700-800 บาท นางฐปนีย์ ทองบุญ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรนครศรีธรรมราช รายงานเพิ่มเติมว่า ส้มโอทับทิมสยามเป็นพืชท้องถิ่นเศรษฐกิจ สร้างรายได้ และสร้างความภาคภูมิใจให้กับเกษตรกรเป็นอย่างมาก แต่ปัญหาหลักคือ มีน้ำท่วมขังในช่วงฤดูฝนค่อนข้างยาวนาน และจากสถานการณ์ฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องระหว่างวันที่ 1 ธ.ค.59 - 31 ม.ค.60 ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ทำให้มีปริมาณน้ำฝนสะสมมากถึง 2,836 มม. น้ำท่วมในพื้นที่ถึง 4 รอบ ในระยะเวลา 2 เดือน พื้นที่ปลูกส้มโอทับทิมสยามที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 37,742 ไร่ ผลผลิตเสียหาย 503.03 ต้น มูลค่ามากกว่า 50 ล้านบาท หลังน้ำลด ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรนครศรีธรรมราช เร่งฟื้นฟูส้มโอพันธุ์ทับทิมสยามที่ได้รับผลกระทบ โดยลงพื้นที่พบปะเยี่ยมเยียนให้กำลังใจและสนับสนุนองค์ความรู้แก่เกษตรกรในการดูแลจัดการส่วนหลังน้ำลด เช่น หลีกเลี่ยงการเหยียบย้ำบริเวณโคนต้น หาทางระบายน้ำออกจากแปลงโดยเร็ว ประเมินความเสียหายเบื้องต้น ตัดแต่งทรงพุ่มให้โปร่งเพื่อลดการคายน้ำ ฉีดพ่นปุ๋ยทางใบ ประเมินการระบาดของโรคและอาการผิดปกติของต้น พรวนดินเพื่อเพิ่มออกซิเจนให้แก่รากพืช ปรับปรุงสภาพดิน โดยใช้ปูนขาวหรือโดโลไมท์ ประเมินอาการขาดธาตุอาหาร เพื่อเป็นแนวทางการจัดการธาตุอาหาร และปลิดผลอ่อนชุดแรกออกเพื่อสร้างความสมบูรณ์ของต้น ขณะเดียวกันก็เร่งผลิตและขยายพันธุ์ต้นกล้าส้มโอพันธุ์ทับทิมสยามคุณภาพดีสำหรับช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบอุทกภัย จำนวน 6,000 ต้น ส่งมอบให้เกษตรกร จำนวน 120 ราย เมื่อวันที่ 19 พ.ค.60 พร้อมกับสร้างแปลงต้นแบบเพื่อให้เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ในการฟื้นฟูสวนส้มโอหลังน้ำลด นายกรณรมย์ วรรณกุล ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาปากพนังล่าง ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำเพื่อการดูแลผลผลิตส้มโอทับทิมสยามว่า 90% ของเกษตรกรแปลงใหญ่ส้มโอทับทิมสยาม ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลคลองน้อย อำเภอปากพนัง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความอิสระในการใข้น้ำจากลำคลองสาขา ซึ่งเกษตรกรสามารถสูบน้ำเข้าสวนได้อย่างเสรี บางครั้งเกษตรกรจะแอบเปิดประตูน้ำเพื่อระบายน้พเค็มเข้าสู่พื้นที่สวนเพื่อปรับสภาพน้ำให้เป็นน้ำกร่อย เพื่อให้ผลผลิตมีรสชาติหวานขึ้น จึงทำให้การบริหารจัดการน้ำสามารถทำได้ยาก กรมชลประทานจึงใช้วิธีตั้งคณะบริหารจัดการน้ำโดยมีเกษตรกรในพื้นที่เป็นคณะกรรมการ เพื่อควบคุมดูแลการใช้น้ำในพื้นที่ และในปีงบประมาณ พ.ศ.2561 กรมชลประทานได้รับสนับสนุนงบประมาณในการขุดลอกคลองสุขุมและคลองบางจาก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำและรักษาผลผลิตพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดอีกทางหนึ่ง นายนิพล เข็มขาว ผู้อำนวยการสถานีพัฒนาที่ดินนครศรีธรรมราช กล่าวว่า สภาพดินในพื้นที่ตำบลคลองน้อย อำเภอปากพนัง เป็นชั้นดินมีความเหมาะสมในการทำนา หากเกษตรกรมีความต้องการที่จะปรับเปลี่ยนพื้นที่มาทำสวนส้มโอทับทิมสยามจำเป็นต้องดำเนินการขุดยกร่อง โดยในส่วนของสถานีพัฒนาที่ดินนครศรีธรรมราชได้ดำเนินการกิจกรรมขุดยกร่องเพื่อปรับสภาพพื้นที่จากที่นามาเป็นสวนส้มโอทับทิมสยามให้แก่เกษตรกรในตำบลคลองน้อยแล้ว จำนวน 150 ไร่ พร้อมทั้งสนับสนุน พด.6 เพื่อบำบัดน้ำเสียในช่วงน้ำท่วมหนัก และสนับสนุนปุ๋ยสูตรพระราชทาน น้ำหมัก พด.2 และโดโลไมท์ เพื่อปรังปรุงบำรุงดินหลังน้ำลด นายชลินทร์ ประพฤติตรง เกษตรจังหวัดนครศรีธรรมราช ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรรอบล่าสุด มีการปลูกส้มโอทับทิมสยามในพื้นที่อำเภอปากพนัง จำนวน 4,403 ไร่ โดยกรมส่งเสริมการเกษตรได้ดำเนินการขับเคลื่อนแปลงใหญ่ ภายใต้การสนับสนุนองค์ความรู้ผ่านศูนย์ ศพก. ในพื้นที่ และมุ่งเน้นให้เกษตรกรรักษามาตรฐานผลผลิต พร้อมทั้งผลักดันให้ทุกแปลงผ่านการรับรอง GAP ซึ่งขณะนี้มีเกษตรกรผู้ปลูกส้มโอทับทิมสยามได้รับ GAP จำนวน 125 ราย พื้นที่กว่า 1,000 ไร่ ในขณะเดียวกันก็มีเกษตรกรเริ่มให้ความสำคัญกับการจด GI ซึ่งปัจจุบันมีเกษตรกรได้รับ GI แล้วจำนวน 11 ราย ช่วงบ่าย นางจันทร์ธิดา มีเดช ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เขต 6 พร้อมด้วยนายสุริยันต์ บุญญานุกูล เกษตรและสหกรณ์จังหวัดนครศรีธรรมราช นายกรณรมย์ วรรณกุล ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาปากพนังล่าง นางฐปนีย์ ทองบุญ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรนครศรีธรรมราช นายนิพล เข็มขาว ผู้อำนวยการสถานีพัฒนาที่ดินนครศรีธรรมราช และคณะลงพื้นทพบปะเยี่ยมเยียนเกษตรผู้ปลูกส้มโอทับทิมสยาม ณ แปลงส้ทโอทับทิมสยามของนางอัมพร สวัสดิ์สุข และนายอะหมูด อนันตขาล ต.คลองน้อย อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช โดยเกษตรกรกล่าวขอบคุณและชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรฯทุกหน่วยงานที่รับฟังปัญหาในพื้นที่ และเข้ามาบูรณาการองค์ความรู้ในการดูแลผลผลิตให้ได้มาตรฐาน มีการจัดการอนามัยสวนเพื่อป้องกันโรค โดยเฉพาะการช่วยเหลือหลังน้ำท่วมที่ทุกหน่วยงานเร่งแก้ปัญหาและฟื้นฟูสวนให้คืนสภาพในเวลาอันรวดเร็ว ภาพ/ข่าว : วิไลพร บุญล้ำ,สิรินันท์ พันเสน สนง.เกษตรและสหกรณ์จังหวัดนครศรีธรรมราช