5 ขั้นตอนทำเกษตรอินทรีย์ ให้ได้มาตรฐานส่งออก
.
การทำเกษตรอินทรีย์ให้ได้มาตรฐาน ไม่ได้หยุดแค่การงดใช้สารเคมีเท่านั้น แต่ต้องวางระบบให้ครบตั้งแต่ดิน น้ำ การจัดการศัตรูพืช ไปจนถึงขั้นตอนการตรวจรับรองมาตรฐาน จึงจะสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค และเพิ่มโอกาสให้ผลผลิตของเราได้ก้าวไกลสู่ตลาดโลก เกษตรสัญจรจะพาไปดู 5 ขั้นตอนสำคัญ ที่เกษตรกรอินทรีย์ควรรู้และทำให้ถูกต้อง เพื่อยกระดับฟาร์มไปสู่มาตรฐานส่งออกกันครับ
.
1. การเตรียมดิน
การทำเกษตรอินทรีย์ต้องเริ่มจากการฟื้นฟูดิน โดยเว้นการใช้สารเคมีในแปลงปลูกอย่างน้อย 2-3 ปี ใช้ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยพืชสดเพื่อเพิ่มอินทรียวัตถุ และควรตรวจวิเคราะห์ดินเป็นประจำเพื่อปรับสมดุล pH และธาตุอาหารให้เหมาะสม เทคนิคง่ายๆ ที่ช่วยได้มากคือการปลูกพืชตระกูลถั่ว เช่น ปอเทืองหรือถั่วพร้า ซึ่งจะช่วยเติมไนโตรเจนธรรมชาติและทำให้โครงสร้างดินร่วนซุย เหมาะต่อการเจริญเติบโตของพืชอินทรีย์
.
2. การจัดการน้ำ
น้ำคือหัวใจสำคัญของการทำเกษตรอินทรีย์ เพราะต้องสะอาดและปลอดจากสารเคมีหรือโลหะหนัก เกษตรกรจึงควรตรวจคุณภาพน้ำอย่างสม่ำเสมอ ทั้งค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) และค่าการนำไฟฟ้า (EC) เพื่อให้มั่นใจว่าเหมาะกับการเพาะปลูก อีกทั้งควรแยกแหล่งน้ำออกจากพื้นที่เกษตรเคมีเพื่อลดความเสี่ยงต่อการปนเปื้อน เทคนิคที่ช่วยได้ดีคือการทำบ่อพักน้ำหรือใช้ระบบกรองธรรมชาติด้วยชั้นทราย กรวด และถ่าน ก่อนนำน้ำเข้าสวน พร้อมทั้งเก็บกักน้ำฝนไว้เป็นแหล่งสำรองที่ปลอดภัยและยั่งยืน
.
3. การจัดการศัตรูพืชและโรคพืช
ในการทำเกษตรอินทรีย์ การควบคุมศัตรูพืชต้องอาศัยวิธีธรรมชาติและชีวภาพแทนการใช้สารเคมี เช่น การใช้ชีวภัณฑ์อย่างไตรโคเดอร์มาเพื่อป้องกันโรคในดิน หรือบาซิลลัส ทูริงเยนซิส (บีที) สำหรับกำจัดหนอนผีเสื้อ รวมถึงการใช้สารสกัดจากพืชสมุนไพร เช่น น้ำหมักสะเดาหรือน้ำส้มควันไม้ ควบคู่ไปกับการสร้างความสมดุลในแปลงด้วยการปลูกพืชหมุนเวียนและพืชคลุมดิน เทคนิคเพิ่มเติมที่ได้ผลดีคือการติดตั้งกับดักกาวเหนียวสีเหลืองและกับดักฟีโรโมน ซึ่งช่วยลดการระบาดของแมลงศัตรูพืชได้โดยไม่ต้องพึ่งสารเคมี
.
4. การบันทึกและตรวจสอบย้อนกลับ
เป็นหัวใจสำคัญของเกษตรอินทรีย์ที่ได้มาตรฐานสากล เกษตรกรควรมีระบบจดบันทึกอย่างละเอียดตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นเมล็ดพันธุ์ วัสดุที่ใช้ ปุ๋ยอินทรีย์ การให้น้ำ ไปจนถึงขั้นตอนการเก็บเกี่ยว รวมถึงการจัดทำผังแปลงปลูกที่ชัดเจน และกำหนดเขตกั้นกันชนเพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากพื้นที่เกษตรเคมี การเก็บตัวอย่างผลผลิตเพื่อตรวจสอบสารตกค้างก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้ทั้งผู้ซื้อและตลาดต่างประเทศ เทคนิคที่ช่วยยกระดับความน่าเชื่อถือ คือการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ เช่น แอปพลิเคชัน Farmbook หรือแม้แต่ระบบ Blockchain ที่สามารถเก็บข้อมูลแบบโปร่งใส ตรวจสอบได้จริง และเพิ่มคุณค่าทางการตลาดให้ผลผลิตอินทรีย์ส่งออกได้อย่างมั่นใจ
.
5. การตรวจรับรองมาตรฐานอินทรีย์
เป็นขั้นตอนสำคัญที่ทำให้ผลผลิตได้รับการยอมรับในตลาดทั้งในและต่างประเทศ เกษตรกรจำเป็นต้องติดต่อหน่วยงานที่ได้รับสิทธิ์ในการตรวจรับรอง พร้อมจัดเตรียมเอกสาร บันทึกการจัดการฟาร์ม และผ่านการตรวจพื้นที่จริงตามข้อกำหนดของมาตรฐาน เช่น Organic Thailand, ACT หรือมาตรฐานสากลอย่าง USDA Organic, EU Organic และ IFOAM ซึ่งเป็นการยืนยันถึงคุณภาพและความปลอดภัยของผลผลิต เทคนิคที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความแข็งแรงทางการตลาด คือการรวมกลุ่มเกษตรกรเพื่อขอการรับรองแบบ Group Certification ที่ไม่เพียงช่วยกระจายค่าใช้จ่าย แต่ยังสร้างความร่วมมือและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงตลาดส่งออกอย่างมีประสิทธิภาพ
.
การทำเกษตรอินทรีย์ให้ได้มาตรฐานส่งออก ต้องอาศัยความตั้งใจและระบบการจัดการที่รอบคอบ ทั้งการเตรียมดิน การจัดการน้ำ การควบคุมศัตรูพืชแบบชีวภาพ การเก็บข้อมูลอย่างโปร่งใส และการผ่านการตรวจรับรอง หากทำครบถ้วน โอกาสเข้าสู่ตลาดโลกจะเปิดกว้างมากขึ้นครับ