นายปราโมทย์ ยาใจ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตรวจราชการแบบบูรณาการร่วมกับสำนักนายกรัฐมนตรี ณ จังหวัดเพชรบุรี
วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563 นายปราโมทย์ ยาใจ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจราชการแบบบูรณาการร่วมกับสำนักนายก รัฐมนตรี ดังนี้
เวลา 09.00 น. เข้าพบนางวันเพ็ญ มังศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี เพื่อปรึกษาหารือข้อราชการในการตรวจราชการแบบบูรณาการและการขับเคลื่อนโครงการสำคัญตามนโยบายของรัฐบาล
เวลา 09.30 น. ร่วมประชุมตรวจราชการแบบบูรณาการกับผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ตรวจราชการกระทรวง ผู้ตรวจราชการกรม หัวหน้าส่วนราชการ ที่ปรึกษาผู้ตรวจราชการภาคประชาชน และผู้เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามผลการดำเนินงาน รับฟังปัญหา/อุปสรรค และให้ข้อเสนอแนะในการดำเนินงาน ดังนี้
1) การจัดการประมงอย่างยั่งยืน
2) โครงการสัตว์ปลอดโรค คนปลอดภัย จากโรคพิษสุนัขบ้า ตามพระปณิธานศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี
ณ ห้องประชุมพริบพรี ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดเพชรบุรี
เวลา 11.00 น. นายปราโมทย์ ยาใจ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จังหวัดเพชรบุรี เพื่อติดตามปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรในพื้นที่ โดยเฉพาะปัญหาภัยแล้งและสถานการณ์หมอกควัน เพื่อป้องกันและเฝ้าระวังการเผาเศษซากพืชหรือวัสดุทางการเกษตรในพื้นที่การเกษตร
จากนั้นเวลา 14.00 น. เป็นประธาน Kick off เปิดโครงการช่วยเหลือเกษตรกรปลูกไม้ผลที่ประสบภัยแล้ง ตำบลหนองหญ้าปล้อง อำเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรีร่วมกับโครงการชลประทานจังหวัดเพชรบุรีและหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอำเภอหนองหญ้าปล้อง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเกษตรกรในพื้นที่ โดยการแจกจ่ายน้ำและเติมน้ำในแหล่งน้ำสาธารณะ เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ปลูกไม้ผล เนื่องจากในปีที่ผ่านมาอำเภอหนองหญ้าปล้อง มีปริมาณฝนตกน้อยเพียง 400 มม. จากปกติ 800-1000 มม. ทำให้อ่างเก็บน้ำเขาบันไดที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนมีสภาพแห้งขอด ส่งผลให้ไม้ผลหลายชนิดได้แก่ ทุเรียน เงาะ ลำไย มะม่วงและมะนาว ในตำบลหนองหญ้าปล้องจำนวน 9 หมู่บ้าน เกษตรกร 192 ราย รวมพื้นที่ 1,605 ไร่ ได้รับความเสียหาย
ทั้งนี้ในระยะกลางและระยะยาว ได้แนะนำให้โครงการชลประทานเพชรบุรี ร่วมกับผู้นำชุมชน เกษตรกรและผู้เกี่ยวข้องสำรวจพื้นที่สาธารณะเพื่อขุดลอกและก่อสร้างแหล่งน้ำเพิ่มเติม เพื่อให้มีน้ำใช้ได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ได้ให้คำแนะนำแก่เกษตรกรในการปลูกไม้ผลทนแล้งหรือพืชที่ใช้น้ำน้อย เพื่อป้องกันความเสียหายจากปัญหาภัยแล้งที่อาจรุนแรงขึ้นในอนาคต