ชป.ย้ำเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด/เดินหน้าเก็บกักน้ำให้มากที่สุดหลังมีฝนตกหลายพื้นที่
14 ก.ค. 2564
372
0
ชป.ย้ำเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด/เดินหน้าเก็บกักน้ำให้มากที่สุดหลังมีฝนตกหลายพื้นที่
ชป.ย้ำเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด/เดินหน้าเก็บกักน้ำให้มากที่สุดหลังมีฝนตกหลายพื้นที่
ชป.ย้ำเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด/เดินหน้าเก็บกักน้ำให้มากที่สุดหลังมีฝนตกหลายพื้นที่

กรมชลประทาน สั่งทุกโครงการชลประทานติดตามสถานการณ์น้ำท่าและสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด พร้อมบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ควบคู่ไปกับการวางแผนเก็บกักน้ำไว้ใช้ในอนาคตด้วย หลังเริ่มมีฝนตกชุกในหลายพื้นที่ ตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.)

สถานการณ์น้ำปัจจุบัน ( 14 ก.ค. 64) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 33,643 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 44 ของความจุอ่างฯรวมกัน สามารถรับน้ำได้อีกรวม 42,423 ล้าน ลบ.ม.  เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา(เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 7,451 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 30 ของความจุอ่างฯรวมกัน ในขณะที่มีการเพาะปลูกข้าวนาปีไปแล้วทั้งประเทศรวม 10.44 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 63 ของแผนฯ เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา เพาะปลูกไปแล้ว 5.11 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 64 ของแผนฯ

จากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา ในช่วงระหว่างวันที่ 12 - 13 ก.ค. 64 ร่องมรสุมที่พาดผ่านบริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง มีกำลังอ่อนลง ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย มีกำลังปานกลาง ลักษณะเช่นนี้ยังคงทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในวันที่ 14 – 18 ก.ค. 64 ร่องมรสุมพาดยังคงผ่านบริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ จึงได้กำชับไปยังโครงการชลประทานทั่วประเทศ ให้ติดตามสถานการณ์น้ำท่าและสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด พร้อมตรวจสอบอาคารชลประทานทุกแห่ง ให้สามารถใช้งานได้เต็มศักยภาพ รวมทั้งการกำจัดวัชพืชไม่ให้กีดขวางทางน้ำ ที่สำคัญได้เน้นย้ำให้บูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประชาสัมพันธ์ชี้แจงเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำในพื้นที่ให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม-น้ำล้นตลิ่ง และบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ให้สอดคล้องกันอย่างเป็นระบบ โดยเน้นน้ำอุปโภคบริโภคต้องเพียงพอ ตามข้อสั่งการของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

 อนึ่ง กรมชลประทาน ได้เน้นย้ำให้ทุกโครงการชลประทานบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำและน้ำท่าในแหล่งน้ำธรรมชาติ ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในแต่ละช่วงเวลาให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และควบคุมปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำต่างๆ ให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุมอย่างเคร่งครัด ควบคู่ไปกับการเก็บกักน้ำไว้ในอ่างฯให้ได้มากที่สุด โดยการปรับการระบายน้ำอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับฝนที่ตกลงมา เพื่อไม่ให้กระทบต่อพื้นที่ด้านท้ายอ่างฯ และจะบริหารจัดการน้ำภายใต้ปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่อย่างจำกัด ด้วยความประณีตทั่วถึงและเป็นธรรม พร้อมร่วมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการช่วยเหลือพื้นที่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำอย่างเต็มศักยภาพ รวมทั้งเดินหน้าประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้เกี่ยวกับสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง และในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ขอให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวังโดยยึดหลักปฏิบัติตามมาตรการ DMHTT เพื่อให้ทุกคนมีความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน ในส่วนของการขนย้ายเครื่องจักร เครื่องมือ ขอให้ทำการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อก่อนการขนย้ายทุกครั้งเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรค หากประชาชนหรือหน่วยงานใดต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อสอบถามได้ที่โครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือโทรสายด่วนกรมชลประทาน 1460 ได้ตลอดเวลา

 

 

x
  • รวมเว็บไซต์ทั้งหมด
  • ภาคเหนือ
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
  • ภาคกลาง
  • ภาคตะวันออก
  • ภาคใต้
สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ตกลง