การปลูกแก้วมังกรในกระถางสำหรับผู้มีพื้นที่น้อย
28 ก.พ. 2563
2,191
5,554
การปลูกแก้วมังกรในกระถางสำหรับผู้มีพื้นที่น้อย
การปลูกแก้วมังกรในกระถางสำหรับผู้มีพื้นที่น้อย

 

          แก้วมังกรเป็นพืชตระกูลกระบองเพชรจึงเป็นพืชที่ชอบอากาศร้อนและแดดจัด สำหรับการปลูกแก้วมังกรนั้นจึงต้องเตรียมพื้นที่ให้อยู่ในที่โล่งแจ้ง ไม่มีร่มเงาของต้นไม้อื่นมาบดบัง แก้วมังกรจะสามารถเจริญเติบโตได้ดี และออกดอกออกผลได้อย่างน่าพอใจ แก้วมังกรสามารถปลูกได้ทุกสภาพพื้นดิน เช่น ดินปนทราย ดินเหนียว ดินลูกรัง สำหรับดินเหนียวและดินลูกรักต้องมีการปรับหน้าดินด้วยการใช้ปุ๋ยคอกและแกรบดำ ในการปรับสภาพดิน อีกประการหนึ่งต้นแก้วมังกร เป็นต้นไม้ที่ชอบอาศัยอยู่ในดินโปร่ง  ร่วนซุย ไม่แน่นจนเกินไป และสามารถระบายน้ำได้ดี สำหรับการปลูก มีอยู่ 2 วิธีด้วยกัน คือการปลูกในกระถางและการปลูกในดินทั่วไป

          คุณสุทธิศักดิ์ บุณยาคุมานนท์ หรือเก่ง  ผู้ดูแลสวนเกษตรแก้วมังกร  ได้มาบอกถึงวิธีการปลูกแก้วมังกรในกระถาง เหมาะสำหรับผู้มีพื้นที่น้อย  ต้องการปลูกไว้รับประทานเอง ซึ่งมีวิธีการปลูกดังนี้

วัสดุอุปกรณ์

          1. ท่อน้ำทิ้งข้างในกลวง หน้ากว้าง 4 นิ้วยาว  1.3 เมตร

          2. กระถางหน้ากว้าง 50  ซ.ม.

          3. ค้างด้านบนอาจทำจากไม้หรือปูน เป็นรูป 4 เหลี่ยมจัตุรัส  กว้างยาว 30 เซนติเมตร

          4. ขุยมะพร้าว

          5. ดิน

          6. เชือกฟาง

 วิธีการปลูก

          1.ใช้เสาตั้งเป็นหลักในกระถาง

          2.ใส่ขุยมะพร้าวรองก้นกระถางเพื่อให้น้ำถ่ายเทได้ดีไนอัตราส่วน 1 ใน 3 ของปริมาตรกระถางจากนั้นนำดินสำเร็จรูปผสมขุยมะพร้าวหรือแกลบดำใส่ลงไปในกระถางจนถึงขอบกระถาง

          3. นำต้นแก้วมังกรมาปลูกให้ชิดกับเสาแล้วใช้เชือกฟางมัดต้นแก้วมังกรให้ติดกับเสา (ไม่ต้องมัดให้แน่นมาก)ควรผูกไว้จนกว่าต้นแก้วมังกรจะเจริญเติบโตจนพ้นหัวเสา

          4. จากนั้นนำดินมากลบด้านบนของหัวเสาเป็นอันเสร็จ

** ต้นแก้วมังกรเป็นสามเหลี่ยมแต่จะมีอยู่ด้านหนึ่งที่เป็นด้านแบนดังนั้นเวลาผูกต้นแก้วมังกร ให้จับด้านแบนของต้นเข้ากับหลักเพราะว่าด้านแบนเป็นด้านที่จะออกราก

การดูแลรักษาแก้วมังกรในกระถาง

          1. การรดน้ำ ให้รดเพียง 1 ครั้ง ภายใน 2-3 วัน และไม่ควรรดมากเกินไปเพราะอาจจะทำให้เป็นโรคโคนเน่าได้

          2. การให้ปุ๋ยความใส่ปุ๋ยทุก 15 วัน ใส่ครั้งละ 2-4 ช้อน  สูตรที่ใช้ 15-15-15 หรือ 16-16-16 หลังจากใส่ปุ๋ยแล้วต้องรดน้ำติดต่อกับเป็นเวลา 3 วัน (วันละครั้งเช้าหรือเย็นก็ได้)ถ้ามีปู่ยคอกเช่นมูลไก่หรือมูลวัวก็ใช้ได้ และให้ใส่เดือนละ 1 ครั้ง เมื่อปลูกได้เป็นระยะเวลา 6 เดือน ให้ใส่ปุ๋ยสูตร 8-24-24 ผสมกับ 15-15-15 ในอัตราส่วนครึ่งต่อครึ่ง

แหล่งอ้างอิงข้อมูล : คุณสุทธิศักดิ์ บุณยาคุมานนท์ 14/1 หมู่ที่ 3 ตำบลบึงนา อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี

ที่มา : http://www.rakbankerd.com

ตกลง