ทำไมใส่ปุ๋ยแล้วพืชยังไม่โต? มาดู #เคล็ดลับการจัดการธาตุอาหารในดิน ที่ถูกต้องกัน
การจัดการธาตุอาหารในดินนั้น #ความสมดุล คือหัวใจสำคัญ เพราะพืชได้รับผลกระทบทั้งจากการขาดธาตุอาหาร และการมีธาตุอาหารมากเกินไป ซึ่งทั้งสองกรณีล้วนส่งผลเสียต่อผลผลิตและสิ่งแวดล้อม
ภาวะ #ธาตุอาหารน้อยเกินไป
สาเหตุอาจเกิดจากธาตุอาหารในดินมีไม่พอ, ดินเสื่อมโทรม หรือการถูกจำกัดการดูดซึมจากปัจจัยอื่น
สัญญาณเตือนที่พืชแสดงออก:
ใบเหลือง (ซีด) หรือใบมีสีผิดปกติ เช่น แดง ม่วง
ใบไหม้ตามขอบใบ
การเจริญเติบโตชะงักงัน
ภาวะ #ธาตุอาหารมากเกินไป
มักเกิดจากการใช้ปุ๋ยไม่ถูกวิธี ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยอินทรีย์
ผลกระทบที่น่ากังวล:
เกิดมลพิษในดินและแหล่งน้ำ ส่งผลต่อระบบนิเวศ
อาจขัดขวางการดูดซึมธาตุอาหารชนิดอื่นที่จำเป็น ทำให้พืชขาดธาตุอาหารตัวอื่นแทน
พืชอาจแสดงอาการเป็นพิษ
แล้วจะจัดการอย่างไรให้ #ยั่งยืน? หัวใจสำคัญคือหลักการ “4 ถูก” เพื่อให้พืชได้ใช้ประโยชน์สูงสุด และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ถูกแหล่ง : ใช้ธาตุอาหารจากหลายแหล่งผสมผสานกัน ทั้งปุ๋ยเคมี, ปุ๋ยคอก, ปุ๋ยหมัก/ชีวภาพ, ปุ๋ยพืชสด และซากพืช
ถูกอัตรา : ประเมินธาตุอาหารที่มีในดินและความต้องการของพืช (การส่งดินตรวจช่วยได้มาก!) เพื่อใส่ในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่มากหรือน้อยเกินไป
ถูกเวลา : ใส่ปุ๋ยในระยะที่พืชต้องการมากที่สุด เช่น ระยะการเจริญเติบโต หรือระยะติดดอกออกผล
ถูกตำแหน่ง : ใส่ปุ๋ยในบริเวณที่รากพืชสามารถดูดไปใช้ได้ง่าย เช่น การใส่เฉพาะจุดใกล้ราก, การให้ปุ๋ยทางใบ หรือการให้ผ่านระบบน้ำ
การนำแนวทางเหล่านี้ไปปรับใช้ เช่น การปลูกพืชหมุนเวียน หรือการจัดการความสมดุลของดินแบบบูรณาการ (ISFM) จะช่วยเพิ่มผลผลิตและรักษาสภาพแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน
ขอขอบคุณข้อมูลและสื่อประชาสัมพันธ์จาก องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization of the United Nations: FAO)