กลางวันร้อน กลางคืนหนาว มีผลต่อพืชอย่างไร
1 ธ.ค. 2568
22
0
กลางวันร้อน กลางคืนหนาว มีผลต่อพืชอย่างไร
กลางวันร้อน กลางคืนหนาว มีผลต่อพืชอย่างไร

ความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างกลางวันและกลางคืน (Day–Night Temperature Variation) มีผลต่อ “กระบวนการสรีรวิทยาของพืช” ทั้งในระดับเซลล์ ใบ ราก และผลผลิต
กลางวันร้อน สังเคราะห์แสงเร็ว แต่เสี่ยงเครียด
• พืชเร่งสังเคราะห์แสง ผลิตน้ำตาลมาก แต่ถ้าอุณหภูมิสูงเกิน 35°C คลอโรฟิลล์เริ่มเสื่อม ใบเหี่ยว ปากใบปิดเพื่อลดการคายน้ำ
• ผลคือ “อาหารสร้างได้แต่ใช้ไม่คุ้ม” เพราะพืชต้องใช้พลังงานในการระบายความร้อนมาก
กลางคืนหนาว ลดการหายใจ เก็บอาหารมากขึ้น
• พืชหายใจช้าลง ทำให้สะสมคาร์โบไฮเดรตไว้มากขึ้น
• ผัก ผลไม้ เช่น ผักกาด หอมใหญ่ ข้าวโพดหวาน จะมีรสหวานขึ้น เนื้อแน่นขึ้น
• แต่ถ้าเย็นจัดเกินไป (ต่ำกว่า 10°C) รากจะหยุดทำงาน ใบไหม้หรือด่าง
ผลต่อจุลินทรีย์และดิน
• กลางวันดินร้อนจัด → จุลินทรีย์บางชนิดตายหรือหยุดทำงาน
• กลางคืนหนาว → การย่อยสลายอินทรียวัตถุช้าลง
ทำให้ธาตุอาหารในดิน “เคลื่อนไหวไม่สม่ำเสมอ” พืชดูดซึมยาก
ผลต่อการออกดอกและผลผลิต
• พืชบางชนิดใช้ “ความเย็นกลางคืน” เป็นสัญญาณออกดอก เช่น สตรอว์เบอร์รี กะหล่ำ หอมใหญ่
• แต่ความต่างอุณหภูมิมากเกินไปอาจทำให้ดอกเหี่ยวหรือติดผลไม่สมบูรณ์

แนวทางปฏิบัติของเกษตรกร
คลุมดินหรือใช้ฟางคลุมโคนต้น → ช่วยรักษาอุณหภูมิดินให้คงที่
ให้น้ำช่วงเช้า–เย็น → ลดความช็อกของราก
ใช้ปุ๋ยโพแทสเซียม (K) และแคลเซียม–โบรอน (Ca–B) → เสริมความทนร้อนหนาว
ใช้โรงเรือนพลาสติกหรือสแลน → ปรับอุณหภูมิได้ทั้งกลางวันและกลางคืน
รักษาจุลินทรีย์ในดิน → ใช้น้ำหมักหรือ PSM ช่วยให้ดินทำงานได้ตลอดวัน

กลางวันร้อน กลางคืนหนาว — ถ้ารู้จักจัดการ พืชจะไม่เครียด แต่จะ “หวาน ใบเขียว รากแข็งแรง”
ธรรมชาติเปลี่ยนได้ แต่ความเข้าใจของเกษตรกร เปลี่ยนพืชให้โตได้เสมอ

เรียบเรียงโดย ทีมงานเกษตรธรรมชาติ–Keensfarm เกษตรสร้างสรรค์

ตกลง