นวัตกรรมกันแดดจากทุเรียน สารสกัดจากดอก-ผลอ่อน เพิ่มมูลค่าของเหลือทิ้ง ดีต่อผิวและสิ่งแวดล้อม
25 พ.ย. 2568
37
0
นวัตกรรมกันแดดจากทุเรียน
นวัตกรรมกันแดดจากทุเรียน สารสกัดจากดอก-ผลอ่อน เพิ่มมูลค่าของเหลือทิ้ง ดีต่อผิวและสิ่งแวดล้อม

ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย ในแต่ละปีประเทศไทยส่งออกทุเรียนไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกสร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศและเกษตรกร แต่กว่าที่ทุเรียนจะเป็นผลใหญ่ออกมาจำหน่าย เกษตรกรต้องตัดแต่งดอกและผลทุเรียนอ่อนทิ้งเฉลี่ยราว 200-300 ผล/ต้น เนื่องจากเกษตรกรไม่สามารถเก็บผลทั้งหมดไว้ได้ เพราะจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตและความสมบูรณ์ของต้นทุเรียน จึงจำเป็นต้องคัดเลือกผลที่มีแนวโน้มที่จะเจริญเติบโตได้ดีและมีรูปร่างสวยงามไว้เท่านั้น 

จากปัญหาดังกล่าวจึงเล็งเห็นว่าจะมีผลทุเรียนระยะเริ่มต้นหลังติดผลหรือที่เรียกว่าระยะเบบี้ถูกตัดทิ้งเป็นจำนวนมาก รวมถึงดอกที่ร่วงโรย ทีมนักวิจัยไทย ซึ่งนำทีมโดย ศ. ดร.ศุภอรรจ ศิริกันทรมาศ ภาควิชาชีวเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ รศ. ดร.ณัฐนันท์ ต. เทียนประเสริฐ ภาควิชาชีวเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เล็งเห็นประโยชน์ของดอกและผลทุเรียนที่ถูกตัดทิ้งเหล่านี้ จึงนำมาศึกษาวิจัยและได้ค้นพบสารสกัดในทุเรียนอ่อนมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงเทียบเท่าวิตามินซี เพิ่มความชุ่มชื่นและปกป้องผิวจากรังสียูวี

จึงเกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มจากสิ่งเหลือทิ้งทางการเกษตร ด้วยการผลิตเครื่องสำอาง โดยร่วมกับบริษัท InnoPhytoTech สร้างสรรค์ “InnoBotanica SunShield Sunscreen Serum” กันแดดนวัตกรรมล่าสุดที่ใช้สารสกัดจากผลทุเรียนอ่อน (baby durian) และ Green ZnO ที่ผลิตจากสารสกัดดอกทุเรียน ชูจุดเด่น “ปกป้องผิวจากรังสี UV พร้อมฟื้นบำรุงผิวให้กระจ่างใสและสุขภาพดี” ภายใต้วิสัยทัศน์ความงามที่ยั่งยืนและใส่ใจโลก มุ่งผลักดันสกินแคร์ไทยสู่มาตรฐานระดับสากล

ศ. ดร.ศุภอรรจ ศิริกันทรมาศ เปิดเผยว่า จุดเริ่มต้นของ InnoBotanica SunShield เริ่มจากการลงพื้นที่สำรวจสวนทุเรียนของทีมวิจัย ซึ่งพบว่าในแต่ละฤดูกาล มี “ดอกทุเรียน” และ “ผลทุเรียนอ่อน (baby durian)” ถูกตัดทิ้งเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเกษตรกรต้องควบคุมการเจริญเติบโตของต้นทุเรียนให้แข็งแรง และคัดเลือกเฉพาะผลที่สมบูรณ์เพื่อการจำหน่าย วัสดุเหล่านี้จึงกลายเป็นของเหลือทิ้งทางการเกษตรที่เลี่ยงไม่ได้ และยังสร้างภาระในการจัดการ หากปล่อยทิ้งไว้ในสวนอาจกลายเป็นแหล่งสะสมของจุลชีพที่ก่อโรคได้ในอนาคต

ด้วยแนวคิด “เพิ่มมูลค่าวัสดุเหลือใช้” ทีมวิจัยจึงนำดอกและผลทุเรียนอ่อนมาสกัดและวิเคราะห์เชิงลึก จนพบสารออกฤทธิ์สำคัญที่มีศักยภาพสูง ได้แก่ โปรไซยานิดิน (Procyanidin) สารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง ช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระและแสง UV ออลิโกเพคติน (Oligo-pectin) ผลิตได้จากผลทุเรียนอ่อนด้วยเทคโนโลยีเอนไซม์ มีคุณสมบัติช่วยปรับสมดุลผิว เสริมเกราะป้องกันความชุ่มชื้น และสนับสนุนสุขภาพผิวอย่างอ่อนโยนซึ่งการค้นพบดังกล่าวเป็นจุดสำคัญที่ทำให้ทีมวิจัยมองเห็นโอกาสในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่ไม่เพียงตอบโจทย์ด้านความงาม แต่ยังช่วยลดปัญหาของเหลือทิ้งทางการเกษตรได้จริง

ทุเรียนอ่อนคือผลของทุเรียน (Durio zibethinus L.) ระยะตัดแต่งผลที่ยังไม่มีการเจริญของเนื้อผลที่สมบูรณ์ และยังไม่มีการสร้างกลิ่นของสารระเหย ที่มีซัลเฟอร์เป็นองค์ประกอบ ซึ่งเป็นกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของทุเรียน ผลทุเรียนอ่อนมีความยาว 6-12 เซนติเมตร และมีเมือกใสคล้ายเมือกหอยทากอยู่ภายในเมื่อนำไปแช่น้ำ ทีมวิจัยได้นำผลทุเรียนอ่อนไปวิเคราะห์เมแทโบโลม (เมแทบอไลต์ทั้งหมด) เพื่อศึกษาองค์ประกอบทางเคมี และศึกษาฤทธิ์ทางชีวภาพควบคู่ไปด้วย จึงพบสารกลุ่มโพลีฟีนอล (Polyphenols) ที่มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระในปริมาณที่สูงมาก และพบสารประกอบฟีนอลิก (Phenolics) ที่มีฤทธิ์ยับยั้งหรือชะลอการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน (Oxidation) ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดอนุมูลอิสระ และมีฤทธิ์ด้านไกลเคชัน (Glycation) คือการเติมน้ำตาลเข้าไปที่โปรตีน สอดคล้องกับความชราของเซลล์ รวมไปถึงความสามารถในการป้องกันผิวจากรังสีอัลตราไวโอเลต นอกจากนี้ ยังพบเพคติน (Pectin) ที่มีคุณสมบัติในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนัง

Green ZnO จากดอกทุเรียน

เสริมเกราะกันแดดอย่างอ่อนโยน

ด้าน รศ. ดร.ณัฐนันท์ ต. เทียนประเสริฐ อธิบายเพิ่มเติมว่า อีกหนึ่งหัวใจของ InnoBotanica SunShield Sunscreen Serum คือการใช้ อนุภาคไมโครซิงค์ออกไซด์ (ZnO) ที่สังเคราะห์ด้วย กระบวนการเคมีสีเขียว (Green Chemistry) จากสารสกัดดอกทุเรียน ทำให้ได้ ZnO ที่ช่วยสะท้อนและกระจายรังสี UV ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA/UVB ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเมื่อเทียบกับกระบวนการสังเคราะห์แบบดั้งเดิม การผสานระหว่าง สารสกัดจากพืช (baby durian & ดอกทุเรียน) กับ Green ZnO ทำให้กันแดดสูตรนี้ ทำหน้าที่ได้ทั้งปกป้องผิวจากรังสี UV ฟื้นบำรุงผิวให้ดูกระจ่างใส สุขภาพดี ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดความงามที่ยั่งยืน (sustainable beauty) และการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า

“กันแดดที่เป็นมากกว่ากันแดด”

“InnoBotanica SunShield Sunscreen Serum” พัฒนาภายใต้แนวคิด “หนึ่งขั้นตอนที่ดูแลได้ทั้งผิวและโลก” เพราะไม่ใช่แค่ครีมกันแดดที่ช่วยบำรุงและปกป้องผิวจากแสงแดดเท่านั้น แต่ยังสะท้อนภาพของงานวิจัยไทยที่มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดย “เปลี่ยนของเหลือทิ้งทางการเกษตรให้กลายเป็นคุณค่าต่อผิวและสิ่งแวดล้อม” อย่างเป็นรูปธรรมด้วยกระบวนการพัฒนาและวิจัยยาวนานกว่า 6 ปี ผลิตภัณฑ์นี้จึงเป็นเสมือนตัวอย่างของการเชื่อมโยง “ห้องแล็บ–สวนเกษตร–ผู้บริโภค” เข้าด้วยกัน ผ่านการใช้วิทยาศาสตร์และนวัตกรรมเพื่อสร้างสมดุลระหว่างความสวยงามของผิวพรรณและความยั่งยืนของโลก

 

การันตีคุณภาพด้วยรางวัล

นวัตกรรมระดับชาติและนานาชาติ

คุณภาพของแนวคิดและศักยภาพของผลิตภัณฑ์ได้รับการยืนยันจากรางวัลในเวทีประกวดนวัตกรรมทั้งในประเทศและต่างประเทศ ดังนี้ 1. ผลงาน “FeelFruits Harmony: facial mask and sunscreen from durian by-products” รางวัลเหรียญทอง (Gold Medal) ในงาน Bangkok International Intellectual Property, Invention, Innovation and Technology Exposition (IPITEx) – Thailand Inventors’ Day 2025 จัดโดย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) จากการประกวดผลงานวิจัยและนวัตกรรม รางวัลเหรียญทองพิเศษ (Special Prize Gold Medal) มอบโดย The National Institute for Research & Development in Chemistry and Petrochemistry (ICECHIM)ประเทศโรมาเนีย จากการคัดเลือกผลงานวิจัยและนวัตกรรมดีเด่นในระดับนานาชาติ 2. ผลงาน “InnoBotanica Sunshield: An innovative and sustainable sunscreen serum developed through green chemistry from durian by-products” รางวัลเหรียญทอง (Gold Medal) ในงาน Japan Design, Idea and Invention Expo: JDIE 2025 โดย World Invention Intellectual Property Association (WIIPA)

รางวัลเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า นวัตกรรมกันแดดจากของเหลือทิ้งของทุเรียนไม่ได้มีดีเพียงแนวคิดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังมีศักยภาพทางวิทยาศาสตร์และเชิงพาณิชย์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล“InnoBotanica SunShield Sunscreen Serum” จึงถือเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของสกินแคร์สัญชาติไทย ที่แสดงให้เห็นว่าการผสานระหว่างงานวิจัยเชิงลึก นวัตกรรมเคมีสีเขียว และการจัดการทรัพยากรอย่างคุ้มค่า สามารถต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์ที่ดีทั้งต่อผิวพรรณ ผู้บริโภค เกษตรกร และโลกใบนี้ไปพร้อมกันได้อย่างแท้จริง

 

ตกลง