ปลูกขมิ้นให้มีราคา ต้องรู้จักวางแผนให้เป็น เจาะเทคนิคทำยังไงให้ส่งสมุนไพรไทยไกลถึงยุโรป
15 ก.ค. 2568
165
0
ปลูกขมิ้นให้มีราคา
ปลูกขมิ้นให้มีราคา ต้องรู้จักวางแผนให้เป็น เจาะเทคนิคทำยังไงให้ส่งสมุนไพรไทยไกลถึงยุโรป

ปลูกขมิ้นให้มีราคา ต้องรู้จักวางแผนให้เป็น เจาะเทคนิคทำยังไงให้ส่งสมุนไพรไทยไกลถึงยุโรป

ประเทศไทย ถือเป็นผู้นำด้านการส่งออก วัตถุดิบและผลิตภัณฑ์สมุนไพร ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยมูลค่าการส่งออกที่สูงถึง กว่า 12 ล้านบาท จากสมุนไพรที่ตลาดให้ความสนใจสูงสุด 24 ชนิด หนึ่งในดาวเด่นคือ “ขมิ้นชัน” เป็นสมุนไพรที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางยา และสามารถต่อยอดแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าได้มากถึง 10 เท่า ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบผง แคปซูล เครื่องดื่ม หรือเครื่องสำอาง ก็ล้วนได้รับความนิยมทั้งในและต่างประเทศ

คุณจอน-เสาวลักษณ์ มณีทอง อดีตพนักงานออฟฟิศที่ตัดสินใจกลับบ้านเกิด เพื่อเริ่มต้นทำในสิ่งที่ตัวเองรัก นั่นคือ การปลูกและแปรรูปสมุนไพร จากความตั้งใจเล็กๆ ในชุมชน กลายเป็นจุดเริ่มต้นของ “วิสาหกิจชุมชนสมุนไพรปลูกรัก” ที่วันนี้ไม่เพียงสร้างรายได้ให้กับครอบครัวและคนในชุมชน แต่ยังสามารถต่อยอดส่งออกผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยไปยังต่างประเทศ ได้หลายแห่ง สร้างชื่อให้กับสมุนไพรไทยในเวทีโลก

จากสมุนไพรที่เคยใช้ในครัว กลายเป็นสินค้าทำเงินให้หลายบ้านในชุมชน วันนี้ขมิ้นชันจึงไม่ใช่แค่สมุนไพรธรรมดา แต่เป็นฮีโร่ตัวจริงของวิสาหกิจชุมชนสมุนไพรปลูกรัก ที่ช่วยสร้างอาชีพ สร้างรายได้ และสร้างความภาคภูมิใจให้กับทุกคน

ย้อนอ่านเรื่อง เจาะเทคนิคปลูก “ขมิ้นชัน” อินทรีย์หันแปรรูป เพิ่มมูลค่าได้สูงถึง 10 เท่า

สำหรับคุณจอน การปลูกสมุนไพรไม่ใช่แค่ปลูกแล้วจบ แต่ต้องคิดต่อไปให้ไกลกว่านั้น ว่า พืชแต่ละชนิดสามารถแปรรูปเป็นอะไรได้บ้าง เพราะถ้าเป็นของสด อายุการขายอาจอยู่ได้แค่ไม่กี่วัน เช่น อาทิตย์เดียวก็ต้องรีบระบาย แต่ถ้าแปรรูปให้เป็นของแห้งหรือผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มมูลค่า อายุการเก็บขายอาจยืดไปได้เป็นปี แถมยังขายได้ในราคาที่ดีกว่าเดิมด้วย

เหตุผลที่ขมิ้นชันของกลุ่มคุณจอนสามารถผลิตได้ปริมาณมากและต่อเนื่อง เพราะมีเครือข่ายเกษตรกรที่ร่วมมือกันปลูกในลักษณะเดียวกันนี้ ช่วยให้การส่งออกหรือแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรสามารถทำได้ตลอดปี เรียกได้ว่าแค่เข้าใจธรรมชาติ ก็สามารถใช้ธรรมชาตินั้นเป็นพลังให้ขมิ้นชันเติบโตได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ต้นทุนหลักของการปลูกขมิ้นชัน คือแรงคน ไม่ใช่สารเคมี
แม้ขมิ้นชันจะเป็นพืชที่ปลูกและดูแลง่าย ไม่ต้องพึ่งสารเคมีหรือระบบน้ำซับซ้อน แต่สิ่งที่ลงทุนสูงสุด กลับไม่ใช่ปุ๋ยหรือน้ำแต่คือ “ค่าแรง” ในการปลูกและเก็บเกี่ยวเพราะการทำเกษตรอินทรีย์แบบไม่ใช้เครื่องจักร ต้องอาศัยแรงงานคนตั้งแต่เริ่มขุดหลุม ปลูก ดูแล จนถึงวันเก็บเกี่ยว ซึ่งใช้เวลานานเป็นปี

เพื่อให้ชาวบ้านในชุมชนอยู่ได้ มีรายได้ที่ยั่งยืน ทางกลุ่มเกษตรกรของคุณจอนจึงร่วมกันวางระบบที่โปร่งใสและเป็นธรรม โดยจะมีการ ประชุมร่วมกันกำหนดราคาประกันล่วงหน้า ตัวอย่างเช่น ปีนี้สมาชิกตกลงกันว่าราคาขายขมิ้นชันสดจะไม่ต่ำกว่า 6 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเป็นราคาที่เกษตรกรรับได้ ไม่ขาดทุน และมีแรงจูงใจในการปลูกต่อ

ส่วนเรื่องหัวพันธุ์ที่ใช้ปลูก ทางกลุ่มจะจัดจำหน่ายให้กับสมาชิกในราคาประมาณ 20 บาทขึ้นไปต่อกิโลกรัม ซึ่งเป็นราคาที่เหมาะสมกับคุณภาพและการคัดเลือกพันธุ์ ทั้งหมดนี้คือแนวทางการทำเกษตรแบบพึ่งพากันในชุมชน ไม่ใช่แค่ปลูกแล้วขาย แต่คือการวางระบบร่วมกัน เพื่อให้ทุกครอบครัวมีความมั่นคงไปพร้อมๆ กัน

จากแปลงเกษตร สู่ตลาดโลก 
ขมิ้นชันไทยที่ส่งออกได้ เพราะคุณภาพและมาตรฐาน
การที่ขมิ้นชันจากชุมชนของเราได้มีโอกาส ส่งออกไปยังต่างประเทศ ไม่ใช่เรื่องฟลุก แต่เกิดจากการวางรากฐานที่มั่นคงทั้งในด้าน “ปริมาณ” และ “คุณภาพ” อย่างแท้จริง

ในแง่ของคุณภาพ ขมิ้นชันที่เราปลูกผ่านการรับรองมาตรฐานว่าเป็น เกษตรอินทรีย์ และ ปลอดภัยต่อผู้บริโภค ส่วนกระบวนการหลังการเก็บเกี่ยว ไม่ว่าจะเป็นการ ตัดแต่ง แปรรูป หรือ จัดเก็บในโรงงาน ก็ได้รับการรับรองมาตรฐานและสามารถ ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ส่งออก ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

อีกประเด็นสำคัญที่มองข้ามไม่ได้คือ “ปริมาณ” การส่งออกสินค้าหนึ่งชนิดออกนอกประเทศ ไม่ได้วัดกันแค่คุณภาพ แต่ต้องมีความพร้อมด้านปริมาณด้วย เพราะการขนส่งระหว่างประเทศ ไม่ได้ส่งแค่ครั้งละ 10 หรือ 100 กิโลกรัม แต่ต้อง ใส่เต็มตู้คอนเทเนอร์ บางครั้งมากถึง 2-5 ตู้ ต่อคำสั่งซื้อ

และนี่คือที่มาของการ รวมกลุ่มเครือข่ายเกษตรกร เพื่อร่วมมือกันผลิตขมิ้นชันให้ได้จำนวนมากพอสำหรับการส่งออก พร้อมทั้งควบคุมมาตรฐานให้ไปในทิศทางเดียวกัน

เมื่อคุณภาพพร้อม ปริมาณถึง ก็ถึงเวลาที่ขมิ้นชันจากบ้านเรา ได้ออกเดินทางไกลสู่ผู้บริโภคทั่วโลก
“ขมิ้นชันจากฟาร์มของเราได้รับความนิยมและถูกส่งออกไปยังหลายประเทศทั่วโลก เช่น สหรัฐอเมริกา อินเดีย เวียดนาม และเยอรมนี” หลายคนอาจสงสัยว่าผลิตภัณฑ์จากขมิ้นชันถูกนำไปใช้ทำอะไรบ้าง คุณจอน ได้เปิดเผยว่า “การใช้งานขมิ้นชันจะแตกต่างกันไปตามความต้องการของผู้ค้า บางรายนำไปใช้เป็นสีผสมอาหาร ทำเป็นผงขมิ้น หรือแม้กระทั่งใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์ด้านความงาม”

การตลาดของเราครอบคลุมทั้งในด้านโซเชียลมีเดียและแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ รวมถึงการออกบูธและการจัดอบรมให้กับคู่ค้าที่ยังสนใจในผลิตภัณฑ์ของเรา การตลาดแบบ B2B ถือเป็นแหล่งรายได้หลักที่สำคัญของเรา โดยคิดเป็น 80-90% ของยอดขายทั้งหมด ซึ่งเราจะทำการส่งออกให้กับบริษัทใหญ่ๆ ที่มีการทำสัญญาและกำหนดจำนวนผลผลิตที่ต้องการในแต่ละปี เราใช้แนวทาง “การตลาดนำการผลิต” โดยเชื่อมโยงกับสินค้าที่มีอยู่ และทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้ากับคู่ค้ารายใหญ่ ซึ่งช่วยให้เรามีเป้าหมายที่ชัดเจนในแต่ละปีว่าต้องผลิตขมิ้นชันในปริมาณเท่าไหร่ เพื่อให้เพียงพอกับคำสั่งซื้อที่รับมา 

อย่างไรก็ตาม ผลผลิตทางการเกษตรย่อมมีปัจจัยที่ไม่สามารถคาดเดาได้ เช่น การเกิดอุทกภัยหรือน้ำท่วม ซึ่งอาจทำให้ผลผลิตเสียหาย หรือในบางปีที่ผลผลิตมากเกินคาดจนเกินความต้องการของลูกค้า ปัจจัยเหล่านี้จึงทำให้เราต้องปรับตัวด้วยการแปรรูปผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มมูลค่า จากประสบการณ์กว่า 10 ปีในการทำขมิ้นชัน คุณจอนเชื่อว่าอนาคตของขมิ้นชันยังมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง และตลาดยังมีศักยภาพที่จะขยายตัวไปอีกไกลในทุกๆ ปี

ในส่วนของเว็บไซต์ Alibaba แพลตฟอร์มซื้อขายโด่งดังของประเทศจีน เราได้เชื่อมโยงกับลูกค้าจากทั่วโลก โดยส่วนใหญ่ลูกค้าที่ติดต่อเข้ามาจะเป็นผู้ที่เห็นมาตรฐานของเราเมื่อมาดูแปลงผลิตจริง การเยี่ยมชมแปลงเป็นเหมือนการเปิดโอกาสและสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า ในการที่พวกเขาจะได้เห็นว่าเรามีผลิตภัณฑ์ที่พร้อมและสามารถจัดส่งในปริมาณที่ต้องการได้อย่างมีคุณภาพ

สำหรับมือใหม่ที่สนใจเริ่มต้นธุรกิจการส่งออก คุณจอนได้แนะนำว่า ตอนแรกเขาก็มีความสงสัยเหมือนกันเกี่ยวกับระบบการส่งออก ไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นอย่างไร รู้แค่ว่าเรามีผลผลิตที่ดีและได้มาตรฐาน แต่เมื่อได้ลงมือทำจริง เขาจึงได้เรียนรู้ว่าปัจจัยสำคัญในการส่งออกมีอยู่ 2 อย่างหลักๆ คือ

ปริมาณ – ต้องสามารถผลิตและจัดส่งในปริมาณที่เพียงพอ
คุณภาพ – มาตรฐานของสินค้าต้องสูงและสม่ำเสมอ
การขึ้นทะเบียนเป็นผู้ส่งออกนั้น จำเป็นต้องมีโรงงานที่สามารถตัดแต่ง แปรรูป คัดแยก และแปลงปลูกที่ได้มาตรฐาน เช่น การขึ้นทะเบียนแปลงเกษตรอินทรีย์ หรือการขึ้นทะเบียนเป็นเกษตรปลอดภัย เพื่อให้สินค้าของเรามีความน่าเชื่อถือและพร้อมสำหรับการส่งออก

หากท่านไหนสนใจการปลูกขมิ้นชัน หรืออยากสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เพจ Facebook : วิสาหกิจชุมชนแปรรูปสมุนไพรปลูกรัก

ที่มา: เว็บไซต์เทคโนโลยีชาวบ้าน วันที่ 21 มิถุนายน 2568

ตกลง