ทูตพาณิชย์และทูตเกษตรทั่วโลก ร่วมประชุมแนวทางมาตรการบริหารจัดการผลไม้ ปี 2566
20 มี.ค. 2566
70
0
ทูตพาณิชย์และทูตเกษตรทั่วโลก
ทูตพาณิชย์และทูตเกษตรทั่วโลก ร่วมประชุมแนวทางมาตรการบริหารจัดการผลไม้ ปี 2566

วันที่ 20 มีนาคม 2566 เวลา 04.00-05.30 น. (เวลาท้องถิ่น ณ กรุงโรม) สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุมมิลาน และสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงโรม (สปษ.โรม) เข้าร่วมการประชุมแนวทางมาตรการบริหารจัดการผลไม้ ปี 2566 ซึ่งมี ดร.สรรเสริญ สมะลาพา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน โดยมีทูตพาณิชย์ ทูตเกษตรจากทั่วโลก พร้อมด้วยหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าผลไม้ ได้แก่ กรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์ สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ และสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร รวมถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องภาครัฐ และเอกชนร่วมงาน เพื่อรับทราบสรุปสถานการณ์การผลิตผลไม้ และผลการดำเนินมาตรการบริหารจัดการผลไม้ปี 2565 เพื่อเตรียมพร้อมมาตรการดูแลผลไม้ ปี 2566 รองรับผลผลิตผลไม้ที่คาดว่าจะออกสู่ตลาดไม่ต่ำกว่า 6.78 ล้านตัน ที่เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ประมาณ 3%

ในปี 2566 นี้กระทรวงพาณิชย์ได้เตรียมตลาดล่วงหน้ารองรับผลไม้ไว้กว่า 700,000 ตัน โดยจะทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ แบ่งเป็น 4 ด้าน ได้แก่ ด้านการผลิต ด้านการตลาดในประเทศ ด้านการตลาดต่างประเทศ และด้านกฎหมาย โดยมีจำนวน 22 มาตรการ ดังนี้

ด้านการผลิต ประกอบด้วย 1 มาตรการ ได้แก่

- มาตรการที่ 1 เร่งรัดตรวจและรับรอง GAP เป้าหมายไม่ต่ำกว่า 120,000 แปลง

ด้านการตลาดในประเทศ ประกอบด้วย 12 มาตรการ ได้แก่

- มาตรการที่ 2 ใช้อมก๋อยโมเดล ทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจับคู่เกษตรกร-ผู้ค้า 100,000 ตัน

- มาตรการที่ 3 ช่วยผู้ประกอบการหรือเกษตรกร กระจายผลผลิตผลไม้ออกนอกแหล่งผลิต กิโลกรัมละ 3 บาท ปริมาณ 90,000 ตัน

- มาตรการที่ 4 สนับสนุนให้มีรถเร่ รถโมบาย ไปรับซื้อผลไม้และนำออกจำหน่ายสู่ผู้บริโภคโดยตรงในช่วงที่ผลไม้ออกมาก 30,000 ตัน

- มาตรการที่ 5 ประสานงานห้าง ร้านสะดวกซื้อและปั๊มน้ำมันต่าง ๆ เปิดพื้นที่ระบายผลไม้ให้แก่เกษตรกร 100,000 ตัน

- มาตรการที่ 6 รณรงค์บริโภคผลไม้ไทย จัดงาน Fruit Festival ในแหล่งท่องเที่ยว สนับสนุนการโหลดผลไม้ขึ้นเครื่องบิน ฟรี 20 กก. ปริมาณรวม 42,000 ตัน

- มาตรการที่ 7 สนับสนุนกล่อง พร้อมค่าจัดส่งผลไม้ที่ขายตรงจากเกษตรกรหรือกลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ ไปยังผู้บริโภค ผ่านบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จำนวน 300,000 กล่อง หรือ 3,000 ตัน

- มาตรการที่ 8 อบรมให้ความรู้เกษตรกร กลุ่มเกษตรกร เรื่องการค้าออนไลน์ ขายตรงให้แก่ผู้บริโภค รวมถึงอบรมหลักสูตรการส่งออกเบื้องต้น ตั้งเป้าอย่างน้อย 2,500 ราย

- มาตรการที่ 9 ขอความร่วมมือผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้องในการเคลื่อนย้ายแรงงาน

- มาตรการที่ 10 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.) เตรียมความพร้อมสนับสนุนกำลังพล ช่วยเก็บเกี่ยว คัดแยกและขนย้ายผลไม้ ในบางช่วงที่หากมีปัญหาแรงงาน

- มาตรการที่ 11 เชื่อมโยงผลไม้ โดยทีมเซลล์แมนจังหวัด-ประเทศ ประสานงานกันช่วยระบายผลไม้ของเกษตรกรทั้งตลาดในประเทศ และตลาดต่างประเทศ

- มาตรการที่ 12 ส่งเสริมการแปรรูปช่วยค่าบริหารจัดการแปรรูปผลไม้ เช่น ลำไยอบแห้ง ทุเรียนแช่แข็งเพื่อการส่งออก

- มาตรการที่ 13 เจาะตลาดนิคมอุตสาหกรรม เปิดพรีออร์เดอร์ผลไม้ กว่า 15,000 ตัน ใน 60 นิคม 30,000 โรงงาน

ด้านการตลาดต่างประเทศ ประกอบด้วย 8 มาตรการ ได้แก่

- มาตรการที่ 14 เสริมสภาพคล่องผู้ส่งออก โดยจะช่วยเหลือดอกเบี้ย 3% และช่วยผู้ส่งออกผลไม้กิโลกรัมละ 4 บาท ปริมาณ 100,000 ตัน

- มาตรการที่ 15 เจรจาจับคู่ซื้อขายผลไม้ออนไลน์ ออฟไลน์ มุ่งเน้นตลาดใหม่

- มาตรการที่ 16 จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างประเทศ เช่น ส่งออกผลไม้สู่ตลาดจีนในโครงการ Thai Fruits Golden Months การขายผ่าน TV Shopping

- มาตรการที่ 17 ส่งเสริมการส่งออกผลไม้ในงานแสดงสินค้านานาชาติ เช่น THAIFEX-Anuga Asia และ GULF FOOD

- มาตรการที่ 18 จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ สร้างความเชื่อมั่นผลไม้ไทย เช่น Country Brand ส่งเสริมภาพลักษณ์อุตสาหกรรมมะพร้าวไทย

- มาตรการที่ 19 จัดมหกรรมการค้าชายแดน 3 ภาค

- มาตรการที่ 20 มุ่งเจรจาผ่านคลายมาตรการทางการค้า ทั้งการลดภาษี ลดอุปสรรคการส่งออกผลไม้ไปยังประเทศคู่ค้า

- มาตรการที่ 21 ตั้งวอรูม คณะทำงานผลักดันการส่งออกผลไม้ไทย ภาครัฐร่วมกับเอกชน ติดตามสถานการณ์ ประสานงานแก้ไขปัญหาการส่งออกผลไม้ ผลักดันส่งออกไป 3 ตลาดศักยภาพ ได้แก่ ตะวันออกกลาง เอเชียใต้ และ CLMV

ด้านกฎหมาย ประกอบด้วย 1 มาตรการ ได้แก่

- มาตรการที่ 22 ให้ผู้ประกอบการปิดป้ายแสดงราคารับซื้อ เวลา 8.00 น. หรือทันทีที่เปิดทำการรับซื้อ

ทั้งนี้ ผลการดำเนินมาตรการบริหารจัดการผลไม้ปี 2565 ที่ผ่านมา สามารถรักษาระดับราคาผลไม้ในประเทศ ผลักดันให้ปริมาณส่งออกผลไม้เพิ่มขึ้น และแก้ปัญหาผลไม้ล้นตลาดได้ โดยราคาผลไม้ปี 2565 เกือบทุกชนิดสูงกว่าปีที่ผ่านมา เฉลี่ยสูงขึ้น 44% เช่น ทุเรียนเกรดส่งออก ราคาเฉลี่ย 142.50 บาท/กก. ลำไย ช่อส่งออก AA ราคาเฉลี่ย 35-45 บาท/กก. มะม่วงน้ำดอกไม้เกรดส่งออก ราคาเฉลี่ย 45 บาท/กก. ลองกองเกรดคละ ราคาเฉลี่ย 26 บาท/กก.

 

ตกลง