ที่มา: กระทรวงเกษตรของอิตาลี – แถลงข่าววันที่ 11 มิถุนายน 2025
ในระหว่างการตอบกระทู้ในรัฐสภา นาย Francesco Lollobrigida รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและป่าไม้ของอิตาลี ได้อธิบายเกี่ยวกับผลกระทบของภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่มีต่อสินค้าเกษตรและอาหารของอิตาลี ดังนี้:
ภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ อาจไม่ได้กระทบโดยตรงต่อผู้ส่งออกของอิตาลี แต่จะส่งผลต่อต้นทุนของผู้นำเข้าและผู้บริโภคในสหรัฐฯ โดยตรง เนื่องจากต้นทุนในห่วงโซ่อุปทานและราคาสินค้าในตลาดจะสูงขึ้น
สินค้าเกษตรและอาหารจากอิตาลีที่จำหน่ายในตลาดสหรัฐฯ มักมีราคาสูงกว่าตลาดอื่น ๆ และในราคาขายปลีกนั้น กว่า 62% เป็นกำไรของผู้ค้าท้องถิ่น ตัวอย่างเช่น:
น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จินจากแคว้นทัสคานี (PGI): 68% ของราคาขายปลีกเป็นกำไรของผู้ค้า
น้ำส้มสายชูบัลซามิกจากเมืองโมเดนา (PGI): 78% เป็นกำไรของผู้ค้า
สินค้าอิตาเลียนหลายรายการ โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและอาหารแบบดั้งเดิม ไม่สามารถหาสินค้ามาทดแทนได้ง่าย เนื่องจากความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น ชีสแข็ง Parmigiano Reggiano, Grana Padano, Pecorino Romano และน้ำส้มสายชูบัลซามิก
ในปี 2024 มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารจากอิตาลีไปยังสหรัฐฯ อยู่ที่ 7.8 พันล้านยูโร เพิ่มขึ้นถึง 17% เมื่อเทียบกับปี 2023
อย่างไรก็ตาม การกำหนดนโยบายภาษีนำเข้าระหว่างประเทศเป็นอำนาจของสหภาพยุโรป (EU) ไม่ใช่อำนาจโดยตรงของรัฐบาลอิตาลี
สินค้าเกษตรและอาหารของอิตาลียังคงเป็นสัญลักษณ์แห่งคุณภาพ และเป็นความภาคภูมิใจของยุโรป