แจ้งเตือนเรื่อง “โรคเหี่ยวกล้วย หรือโรคตายพราย หรือโรคปานามา (Fusarium Wilt Disease)” วันที่ 3 พฤษภาคม 2562 เตือนเกษตรกรชาวสวนกล้วยทุกภาคของประเทศไทยโดยเฉพาะจังหวัดในเขตภาคใต้ เช่นจังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส และภาคเหนือแถบชายแดนประเทศพม่า เช่น จังหวัดเชียงรายโดยเฉพาะแหล่งปลูกกล้วยหอม ที่ส าคัญ เฝ้าระวังโรคเหี่ยวสายพันธุ์ TR4 ในกล้วยหอม ซึ่งเป็นโรคพืชกักกันไม่เคยพบการระบาดในประเทศไทยมาก่อน และก าลังแพร่ระบาดอยู่ในหลายประเทศแถบอาเซียน ได้แก่ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย จีน ไต้หวัน อินเดีย ปากีสถาน และเมียนมา ดังนั้น เกษตรกรผู้ปลูกกล้วยโดยเฉพาะกล้วยหอมเขียวหรือกล้วยหอมคาเวนดิชซึ่งเป็นพันธุ์ ที่อ่อนแอต่อโรคเหี่ยว ควรหมั่นส ารวจแปลงอย่างสม่ าเสมอ เมื่อสงสัยว่ากล้วยอาจเป็นโรคนี้ระบาด ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ ส านักงานเกษตรอ าเภอ ส านักงานเกษตรจังหวัด เพื่อตรวจสอบวินิจฉัยการระบาด และแจ้งให้กรมส่งเสริมการเกษตร ทราบเพื่อด าเนินการต่อไป และขอให้เกษตรกรห้ามน าพันธุ์กล้วยที่มาจากประเทศที่พบการระบาดเข้ามาปลูก ในประเทศไทยโดยเด็ดขาด เชื้อสาเหตุ : เชื้อรา Fusarium oxysporum f. sp. cubense Tropical race four (TR4) ลักษณะอาการ โรคนี้เกิดจากระบบท่อล าเลียงของพืชถูกท าลาย โดยเชื้อเข้าสู่รากและแพร่กระจายสู่ระบบท่อน้ าพืช เป็นสาเหตุท าให้เกิดอาการเนื้อเยื่อตายเป็นสีน้ าตาลในท่อล าเลียงของล าต้นเทียมกล้วย และลุกลามขึ้นสู่ก้านใบ อาการภายนอกท าให้โคนใบแก่ด้านนอกมีสีซีด เหลือง และผืนใบเปลี่ยนเป็นสีน้ าตาลโดยเริ่มจากขอบใบเข้าสู่กลางใบ และใบหักพับภายใน ๑ - ๒ สัปดาห์ ท าให้เห็นอาการใบเหลืองจากใบล่างขึ้นไป ต่อมาใบและกิ่งเริ่มเหี่ยว และร่วง เซลล์ ตามขอบใบตาย และท าให้ต้นตายในที่สุด บางครั้งอาจพบอาการผลอาจเน่าและร่วง รากอาจจะเจริญออกทางด้านข้าง และเน่าภายหลัง การแพร่ระบาด การแพร่กระจายของเชื้อเกิดจากการน าเอาเหง้าหรือส่วนขยายพันธุ์ที่ติดเชื้อไปปลูกนอกจากนั้น เชื้อยังติดไปกับดิน เศษซากพืช หรือ น้ าที่ท่วมขังแปลง ปัจจัยที่เหมาะสมต่อการเกิดโรค คือพันธุ์พืชที่อ่อนแอ ความชื้นในดินสูง การระบายน้ าในดินต่ า เชื้อรา Fusarium สายพันธุ์ TR4 มีความสามารถอยู่รอดในดินได้นานมากกว่า ๑๕ ปี กรมส่งเสริมการเกษตร แนะน าวิธีการป้องกันก าจัด ดังนี้ ๑. หมั่นส ารวจแปลงอย่างสม่ าเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ๒. หากต้องการปลูกกล้วยในพื้นที่ใหม่ ควรเลือกแปลงปลูกที่ไม่เคยพบโรคนี้มาก่อน ๓. ปรับสภาพดินไม่ให้เป็นกรดจัด โดยใส่ปูนขาว หรือโดโลไมท์ ๔. รองก้นหลุมปลูกด้วยเชื้อราไตรโคเดอร์มาชนิดสดผสมกับปุ๋ยอินทรีย์ ใช้เชื้อสดผสมกับร าข้าว ละเอียดและปุ๋ยอินทรีย์(ปุ๋ยหมัก/ปุ๋ยคอกเก่า) ในอัตราส่วน ๑ : ๔ : ๑๐๐ โดยน้ าหนักอัตรา ๑๐๐ - ๒๐๐ กรัมต่อหลุม ๕. ควรเลือกหน่อกล้วยจากแหล่งปลูกที่ไม่เคยมีการระบาดของโรคนี้ หรือไม่น าหน่อพันธุ์จากต้นตอ ที่เป็นโรคไปปลูก ๖.ชุบหน่อพันธุ์กล้วยด้วยสารเคมี อีไตรไดอะโซล+ควินโตซีน ๖% + ๒๔% อีซี หรือ คาร์เบนดาซิม ๕๐% เอสซี หรือ ทีบูโคนาโซล ๔๓% เอสซี อัตรา ๓๐ มิลลิลิตรต่อน้ า ๒๐ ลิตร ๒ ๗. แปลงปลูกควรมีการระบายน้ าที่ดี ควรระมัดระวังการให้น้ าไม่ให้น้ าไหลผ่านจากต้นที่เป็นโรค ไปต้นปกติ ๘. หากพบต้นที่เป็นโรคควรรีบด าเนินการ ดังนี้ ๘.๑ ขุดต้นที่เป็นโรคออกไปเผาท าลายนอกแปลงปลูก แล้วโรยด้วยปูนขาวให้ทั่วบริเวณกอ ที่เป็นโรค และหลุมที่ขุดต้นเป็นโรคออกไปอัตรา ๑ - ๒ กิโลกรัมต่อหลุม ๘.๒ หว่านใต้ทรงพุ่มหรือโรยโคนต้นพืชด้วยเชื้อราไตรโคเดอร์มาชนิดสดผสมกับปุ๋ยอินทรีย์ ใช้เชื้อสดผสมกับร าข้าวละเอียดและปุ๋ยอินทรีย์ (ปุ๋ยหมัก/ปุ๋ยคอกเก่า) ในอัตราส่วน ๑ : ๔ : ๑๐๐โดยน้ าหนัก อัตรา ๓ - ๕ กก. ต่อต้นหรือต่อกอ ๘.๓ ในแปลงที่มีการระบาดของโรค ควรเปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่นหมุนเวียน ๙.ควรท าความสะอาดอุปกรณ์การเกษตรที่ใช้กับต้นที่เป็นโรคทุกครั้งก่อนน าไปใช้ใหม่ หมายเหตุ ๑. การใช้เชื้อราไตรโคเดอร์ม่าเป็นการใช้กับต้นกล้วยที่ยังไม่พบโรคตายพรายเกิดขึ้น โดยใช้หลังจาก ปลูกกล้วยแล้ว หากต้นกล้วยเกิดโรคตายพรายแล้ว เชื้อราไม่สามารถแทรกเข้าสู่ต้นกล้วยเพื่อไปก าจัดเชื้อราสาเหตุ โรคตายพรายภายในล าต้นกล้วยได้เนื่องจากเชื้อโรคเข้าสู่ต้นกล้วยเรียบร้อยแล้ว ๒. โรคเหี่ยวสายพันธุ์ TR4 ยังไม่เคยพบในไทยมาก่อน ดังนั้นวิธีการที่แนะน าเป็นวิธีการที่ใช้ได้ผล กับโรคเหี่ยวสายพันธุ์อื่นที่พบในประเทศไทย จึงไม่มีการทดลองชัดเจนในไทยส าหรับการป้องกันก าจัดโรคสายพันธุ์นี