แชร์เทคนิค การเลี้ยงหอยหวาน
20 ต.ค. 2568
32
0
แชร์เทคนิค การเลี้ยงหอยหวาน
แชร์เทคนิค การเลี้ยงหอยหวาน

เทคนิค การเลี้ยงหอยหวาน

     ถือเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะเลี้ยงง่าย ลงทุนไม่สูง และมีตลาดรองรับ แต่มีเงื่อนไขสำคัญ คือ สถานที่เพาะเลี้ยงควรอยู่ติดทะเล เพื่อให้สามารถนำน้ำทะเลมาใช้ได้สะดวกและเพียงพอ รวมถึงน้ำทะเลที่ใช้ควรเป็นน้ำที่สะอาด มีความเค็มค่อนข้างคงที่อยู่เสมออยู่ในช่วง 28-35 ppt

     สำหรับการเลี้ยงพ่อ-แม่พันธุ์หอยหวาน ควรเลือกใช้พ่อ-แม่พันธุ์ที่มีขนาดใหญ่ มีความยาวเปลือกไม่น้อยกว่า 4.5 ซม. น้ำหนักตัวประมาณ 30 กรัม ขึ้นไป โดยหอยหวานจะมีการสืบพันธุ์ตลอดทั้งปี แต่ฤดูกาลวางไข่ที่สูงที่สุดจะอยู่ในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม

     บ่อเลี้ยงพ่อ-แม่พันธุ์หอยหวาน สามารถใช้เป็นบ่อซีเมนต์ บ่อผ้าใบ หรือ ถังไฟเบอร์กลาส ก็ได้ โดยสามารถปรับรูปแบบและขนาดบ่อตามความเหมาะสมของอุปกรณ์และสถานที่ เช่น หากเป็นบ่อซีเมนต์ ควรมีขนาดประมาณ 2.5x10x1 เมตร และมีน้ำสูง 0.5 เมตร

     ปูพื้นด้วยทรายหยาบหรืออาจมีเศษปะการังปะปนด้วยได้ หนาประมาณ 10 ซม. จัดระบบให้อากาศและน้ำถ่ายเทได้ดี โดยให้น้ำสามารถระบายออกอย่างช้าๆ และทำการลดน้ำพร้อมทำความสะอาดพื้นทรายทุกๆ 7 วัน

     ส่วนอาหารสามารถใช้เป็นจำพวกปลาข้างเหลืองที่ตัดเอากระเพาะออก และ บั้งเป็นริ้วๆ 2-3 แถว ให้กินจนเพียงพอ โดยในหนึ่งบ่อควรปล่อยที่ความหนาแน่นประมาณ 50 ตัว/ตร.ม. อัตราส่วนเพศผู้ต่อเพศเมียเป็น 1:1 เมื่อหอยวางไข่จะวางติดกับพื้นทราย ให้ทำการเก็บรวบรวมฝักไข่ใส่ตะกร้าพลาสติกลอยน้ำเพื่อนำไปอนุบาลในถังอนุบาลต่อไป

     ในขั้นตอนการฟักไข่ ควรใช้ถังที่มีขนาดประมาณ 1 ลบ.ม. ใส่น้ำลึกประมาณ 0.5-0.8 เมตร พร้อมใส่หัวออกซิเจนตีเบาๆ ให้ทั่วถึงทั้งบ่อ เมื่อลูกหอยหวานฟักตัวอยู่ในฝักไข่ประมาณ 5-7 วัน ก็จะพัฒนาเป็นตัวอ่อนและเริ่มออกจากไข่ลอยไปกับน้ำ

     ในช่วงนี้ให้ปรับความหนาแน่นของลูกหอยในบ่อเหลือประมาณ 400-500 ตัว/ลิตร และให้กินแพลงก์ตอนพืชเป็นอาหาร เมื่อลูกหอยมีอายุประมาณ 10 วันขึ้นไป จะเริ่มลงพื้น และสามารถเปลี่ยนมากินเนื้อปลาข้างเหลืองบดละเอียดได้ ระยะนี้หากได้รับอาหารที่เพียงพอจะทำให้ลูกหอยมีความแข็งแรง และลดอัตราการตายลงได้

     เมื่อลูกหอยลงพื้นและมีขนาดประมาณ 0.2-0.3 ซม. สามารถย้ายไปบ่อขนาด 0.5 ลบ.ม.ขึ้นไป ใส่น้ำสูงประมาณ 30-50 ซม. บริเวณขอบบ่อควรบุด้วยแผ่นสก็อตไบรท์หรือวัสดุอื่นๆ เพื่อป้องกันการคลานขึ้นมาตายได้ โดยอัตราความหนาแน่นอยู่ที่ประมาณ 3,000 ตัว ส่วนการให้อาหาร ควรให้วันละ 1 ครั้ง ในปริมาณที่เพียงพอ และควรเก็บเศษอาหารเก่าออกทุกครั้งก่อนให้อาหารรอบใหม่ เพื่อป้องกันน้ำเน่าเสีย

     หลังจากเลี้ยงประมาณ 30 วัน ลูกหอยจะมีขนาดประมาณ 1-1.5 ซม. ซึ่งนับว่ามีความแข็งแรงทนทานต่อสภาพแวดล้อมได้เป็นอย่างดี เหมาะที่จะนำไปเลี้ยงต่อจนถึงขนาดที่ตลาดต้องการ โดยอัตราที่เหมาะสมของการเลี้ยงหอยที่มีขนาด 1 ซม. ขึ้นไป จะอยู่ที่ 300-500 ตัว/พื้นที่บ่อ 1 ตร.ม.

     นอกจากนี้การเลี้ยงหอยในระยะนี้ยังสามารถเลือกใช้อาหารที่มีความหลากหลายมากขึ้นตามความสะดวก เช่น เนื้อปลา เนื้อหอยแมลงภู่ เนื้อหอยกะพง ปู รวมทั้งอาหารสำเร็จรูป และอาหารผสมอื่นๆ แต่หากเป็นเนื้อปลาควรให้ประมาณ 2-10% ของน้ำหนักหอยหวานทั้งหมดที่เลี้ยง แต่หากใช้เนื้อหอยแมลงภู่ควรให้ประมาณ 5-30% ของน้ำหนักหอยทั้งหมด และควรมีการปรับปริมาณอาหารเป็นประจำเพื่อป้องกันไม่ให้อาหารเหลือหรือไม่เพียงพอ รวมถึงควรตรวจสอบการเจริญเติบโตของหอยหวานในบ่อเลี้ยงเป็นประจำอย่างน้อยเดือนละ 1-2 ครั้ง เปลี่ยนถ่ายน้ำ และปรับสภาพน้ำให้เหมาะสมอยู่เสมอ เมื่อเลี้ยงจนหอยหวานเติบโตและมีขนาดที่เหมาะสมก็สามารถจับขายได้ทันที

ที่มา : มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ตกลง