การปลูกมะเขือเปราะ และมะเขือยาว
มะเขือเปราะ และมะเขือยาวอีกหนึ่งผักคู่ครัวที่ปลูกง่าย และ สามารถเติบโตได้ดีในดินเกือบทุกชนิดที่มีความอุดมสมบูรณ์เพียงพอ มีการระบายน้ำและถ่ายเทอากาศได้ดี น้ำไม่ท่วมขัง และสามารถรับแสงแดดได้อย่างเต็มที่ตลอดวัน โดยก่อนปลูก ควรมีการเตรียมดินด้วยการไถตากดินไว้ประมาณ 7 วัน แล้วไถพรวนอีก 1-2 ครั้ง พร้อมบำรุงดินด้วยการใส่ปุ๋ยคอก หรือ ปุ๋ยหมักที่สลายตัวดี ในอัตรา 2-4 ตันต่อไร่ หลังจากนั้นให้เตรียมแปลงเพาะกล้ากว้าง 1 เมตร ยาว 10 เมตร ใส่ปุ๋ยคอกอัตรา 40-50 กก. และปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 อัตรา 120 กรัมต่อแปลง คลุกเคล้าให้เข้ากันเพื่อให้ดินร่วนซุย
สำหรับพื้นที่ 1 ไร่ จะใช้เมล็ดพันธุ์ประมาณ 50-100 กรัม โรยเมล็ดเป็นแถวห่างกัน 10 ซม. กลบดินบางๆ เสมอผิวดิน และถอนแยกให้ต้นมีระยะห่าง 2-3 ซม. หลังจากเพาะเมล็ดได้ประมาณ 7-10 วัน ต้นกล้าจะเริ่มงอก ระหว่างนี้ควรดูแลรดน้ำให้สม่ำเสมอวันละ 1-2 ครั้ง เช้า-เย็น จนกระทั่งต้นกล้าแข็งแรง หรือ มีอายุประมาณ 25-30 วัน จึงย้ายลงแปลงปลูก
โดยเตรียมแปลงปลูกขนาดกว้างประมาณ 75 ซม. สูง 25-30 ซม. มีร่องน้ำระหว่างแปลง 30 ซม. ก่อนย้ายกล้าลงปลูกให้รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 อัตรา 25-30 กก.ต่อไร่ ปลูกเป็นแถวเดี่ยวโดยเว้นระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 50 ซม. และระหว่างแถว 75-100 ซม. และคลุมแปลงด้วยฟางข้าวเพื่อรักษาความชุ่มชื้นในดิน หลังปลูก 15 วัน ให้ใส่ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 อัตรา 10 กก.ต่อไร่ โดยโรยปุ๋ยข้างแถวปลูกทั้งสองข้างแล้วพรวนดินกลบ หลังจากนั้นเมื่อปลูกครบ 30 วัน จึงใส่ปุ๋ยสูตร 12-24-12 อัตรา 50 กก.ต่อไร่
สำหรับการให้น้ำ ควรให้อย่างสม่ำเสมอวันละ 1-2 ครั้ง เช้า-เย็น เมื่อต้นเริ่มแข็งแรงขึ้นสามารถลดเหลือวันละ 1 ครั้งได้ โดยสังเกตจากความชื้นของหน้าดิน แต่เมื่อถึงช่วงที่ต้นมะเขือเริ่มออกดอกและติดผล ควรระวังไม่ให้ขาดน้ำ เพราะเป็นช่วงที่ต้นไม้ต้องการน้ำมากเป็นพิเศษ หากขาดน้ำในช่วงนี้จะทำให้ดอกร่วง ผลมีขนาดเล็ก และผิวไม่สวยได้ เมื่อต้นมะเขือมีอายุประมาณ 80-100 วัน หรือ 60-85 วัน หลังย้ายกล้าลงปลูก จะสามารถเริ่มเก็บผลอ่อนได้ โดยทยอยเก็บได้เรื่อยๆ จนหมด เมื่อเก็บเกี่ยวแล้วให้นำผลผลิตเข้าร่มทันทีและนำเก็บใส่ภาชนะหรือถุงพลาสติกให้เรียบร้อย โดยหากเก็บใส่เข่ง หรือ ตะกร้า ควรรองด้วยใบตองอีกชั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ผลผลิตบอบช้ำเสียหาย
ที่มา : สถาบันวิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร