หนุ่มวิศวกร ผู้หันหลังให้กับงานประจำ เพราะมีความคิดว่า เกษตรเท่านั้นเป็นอาชีพที่ยั่งยืน คุณสันติภาพ สุวรรณกิจไพศาล
“ผมได้เงินเดือนค่อนข้างเยอะครับ เฉียดแสน แต่ผมไม่มีความสุขครับ ผมคิดว่า เวลามีค่าสำหรับผมมาก ผมมีวันหยุดบางเดือน เพราะงานผมเงินเดือนค่อนข้างมากแต่ก็ทำงานคุ้ม ผมก็เต็มใจที่จะทำงานให้คุ้มกับค่าจ้างที่เขาให้กับผม ผมมีวันหยุด 1 วัน ผมรู้สึกดีใจมาก ดีใจจนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไหนก่อน อย่างแรกก็คือ ต้องการผ่อนคลายก็นึกถึงร้านกาแฟ ได้เจอเพื่อนๆ ที่ไม่ใช่ในที่ทำงาน ไปซื้อของ ไปกินอาหาร ผมรู้สึกว่าเวลาช่างหมดไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน”
คุณสันติภาพ บอกว่า ผมจึงมีความคิดอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง อยากมีเวลาเหลือ และมีรายได้มาก จึงออกมาทำธุรกิจส่วนตัวเกี่ยวกับขายของออนไลน์อยู่ 2 ปี ก็รู้สึกว่าอาชีพที่ทำอยู่นั้นเริ่มมีการตัดราคาและการแข่งขันสูงขึ้น กำไรน้อยลง ความรับผิดชอบก็มากเท่าเดิม ผมจึงคิดที่จะมองหางานทำใหม่ที่ยั่งยืน
” ผมแต่งงานกับสาวลำปาง ที่มีพ่อแม่พี่น้องมีที่อยู่ที่ตำบลหัวเสือ อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง อาชีพคนแถวนั้นก็ทำการเกษตรปลูกข้าวโพด ที่ดินแถบนั้นสวยมาก ผมจึงมีความคิดอยากทำการเกษตรเป็นแบบธุรกิจ แต่ผมมีประสบการณ์เรื่องของปลูกมะละกอพันธุ์ฮอลแลนด์ เพราะพ่อแม่พี่น้องผมก็มีอาชีพปลูกมะละกอ ผมจึงนำความรู้ที่มีเหล่านั้นมาปลูกมะละกอฮอลแลนด์ที่จังหวัดลำปาง” คุณสันติภาพ เล่า
ต้นเตี้ย ดก ปลูกง่าย ดูแลง่าย
ผมเลือกปลูกมะละกอพันธุ์ฮอลแลนด์
การที่จะทำการเกษตรให้สำเร็จนั้น ต้องมีการตลาดที่ดี ปลูกแล้วมีที่ขาย มีผู้ที่รับซื้อและให้ราคาดี มะละกอพันธุ์ฮอลแลนด์ ยังเป็นที่ต้องการของตลาด ใช้สารเคมีน้อย ปลูกง่าย ดูแลง่าย เป็นพืชระยะสั้น เขาจึงมองเห็นตัวเงินได้ เพราะอายุของมะละกอฮอลแลนด์มี 8 เดือน ก็เก็บผลผลิตได้แล้ว
“ผมใช้เนื้อที่ทั้งหมด 12 ไร่ ปลูกมะละกอเฉลี่ย 300 ต้น ต่อไร่ ทั้งหมดประมาณ 3,000 กว่าต้น เท่าที่เคยปลูกมาจะได้ผลผลิตรุ่นแรก ประมาณเดือนที่ 8 ผลผลิตประมาณ 3-5 ตัน ราคาส่งในหน้ามะละกอทั่วไป ราคาขายหน้าสวน อยู่ที่ 10-15 บาท รอบที่สอง จะได้ราคามะละกอที่ค่อนข้างสูง ในช่วงเดือนกันยายน ราคาส่งจะอยู่ที่ 30-50 บาทจากสวน แต่ผลผลิตจาก 12 ไร่ ในเดือนกันยายนจะได้ประมาณ 2-3 ตัน อยู่ที่การบำรุงดินและการให้น้ำ ปลูกมะละกองวดแรกก็แทบจะได้ทุนคืนแล้ว มะละกอผมจะเก็บผลผลิตจนถึงปีที่สาม หลังจากนั้นก็จะทยอยปลูกต้นใหม่แซมได้ทันที”
ต้องคัดเลือกและตัดทิ้งดอกและผลที่ใช้ไม่ได้ออกไป เพื่อไม่ให้แย่งอาหาร
มะละกอที่ดกและเตรียมพร้อมที่จะเป็นผลมะละกอสุกที่สวยงาม
คุณสันติภาพ เล่าและบอกต่ออีกว่า
“ผมออกมาทำสวนมะละกอ ได้พบอากาศดีๆ ชีวิตเรียบๆ ง่ายๆ บริเวณสวนก็ร่มรื่น มีความรู้สึกว่าเวลาที่มีค่าสำหรับผมนั้น ผมทำอะไรได้หลายๆ อย่าง มองดูต้นมะละกอที่โตวันโตคืน มีความรู้สึกแทบไม่น่าเชื่อว่านี่คือผลงานของเราหรือนี่ จากคนที่ไม่เคยมีเวลาว่างเป็นของตัวเอง คำว่า อาชีพเกษตรกร อาชีพอิสระ ได้พบกับธรรมชาติ ผมออกจากงานไม่ใช่เหตุผลที่บริษัทปิดตัวลง แต่เป็นเพราะผมตั้งใจที่จะเลือกเปลี่ยนแนวชีวิตของตัวเอง…ทุกคนไม่กล้าที่จะตัดสินใจ ที่ดินตรงนี้ผมทำของคุณยายทางภรรยาผม ท่านอนุญาตให้ผมได้ทำเกษตร และผมเห็นว่าการเกษตรทำเป็นธุรกิจ เพราะเดี๋ยวนี้โลกแคบลง การสื่อสาร การขนส่ง ก็รวดเร็ว เพราะฉะนั้นตลาดมะละกอไม่มีวันถึงทางตัน เพราะผู้บริโภคเข้าถึงได้ เพียงแต่เราพัฒนาผลผลิตของเราให้ดี ก็มีคนมาจองผลผลิตที่สวนและส่งรถมารับโดยตรงที่สวน”
มะละกอ มีรสหวานและมีกลิ่นเฉพาะตัว สีสันสดใส และคุณค่าทางอาหารมากมาย โดยเฉพาะดีต่อระบบขับถ่าย ที่พิเศษไปกว่านั้น คือมีราคาที่ไม่สูงจนเกินไป ขายได้ตั้งแต่ตลาดล่างจนถึงตลาดบน
ผลแก่และผลสุกมีทยอยให้เก็บได้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง
การลงทุน
“ผมปลูกมะละกอ 12 ไร่ ลงทุนทั้งหมดตั้งแต่เตรียมดิน ประมาณ 300,000 บาท 3,500 ต้น แต่ผลผลิตออกมาเกินคุ้ม ที่สวนผมตอนนี้ได้ 5 เดือน อีกประมาณ 3 เดือน ก็เก็บผลผลิต อยู่ในช่วงเดือนกันยายน แต่มะละกอของผมมีแนวโน้มดกมาก เพราะสังเกตจากผลอ่อน คาดว่าจะได้ประมาณ 2-3 ตัน แต่ในช่วงเดือนกันยายนเป็นช่วงที่ขาดแคลนมะละกอ ก็จะได้ราคาค่อนข้างดี อยู่ที่กิโลกรัมละ 30-50 บาท ในราคาจากสวน” เจ้าของสวนบอก
มะละกอกินผลสุกนั้น จะเก็บสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เก็บประมาณ 2 เดือน ก็หมดรุ่น หลังจากนั้น ก็จะพักต้น บำรุงใส่ปุ๋ยเตรียมรับมะละกอรุ่นต่อๆ ไป มะละกอปลูกครั้งเดียวเก็บผลผลิตได้ 3-5 ปี
ผลแก่และผลสุกมีทยอยให้เก็บได้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง
ผลผลิตมะละกอฮอลแลนด์
มะละกอฮอลแลนด์ จะให้ผลผลิตเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 100 กิโลกรัม ต่อต้น ราคาผลผลิตที่ขายได้จะอยู่ที่ 10-16 บาทต่อกิโลกรัมในฤดูกาล แต่ถ้าเป็นมะละกอนอกฤดูกาลก็จะได้ราคาสูง 30-50 บาท การเก็บเกี่ยวก็สังเกตดูว่าจะมีแต้มสีเหลืองจางๆ 2-3 แต้ม ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว สภาพดินฟ้าอากาศมีผลต่อการให้ผลผลิตมาก ถ้าอากาศร้อนจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงดอกกะเทยกลายเป็นดอกตัวเมีย ถ้าอุณหภูมิสูงมากจะทำให้ดอกร่วงไม่ติดผล น้ำหนักผลที่เป็นที่ต้องการของตลาด อยู่ที่ 1-1.5 กิโลกรัม
ข้อดีของมะละกอฮอลแลนด์
ไม่มีกลิ่นยาง เนื้อแน่นไม่เละ เนื้อหนา รสหวาน เปลือกหนา ทำให้การขนส่งไม่ช้ำง่าย ทนทานต่อโรค น้ำหนักดี สีสวย เนื้อในสีแดงอมส้ม ปลูกได้เกือบทุกพื้นที่ ไม่ชอบดินที่มีน้ำขัง ทำให้รากเน่าได้
ทำไม ถึงปลูกมะละกอฮอลแลนด์
“ผมลาออกจากงานแล้วมาทำธุรกิจส่วนตัวเกี่ยวกับค้าขายออนไลน์ ผมได้มองหาอาชีพเกษตรมาหลากหลายอย่าง แต่ได้คลุกคลีอยู่กับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่ปลูกมะละกอฮอลแลนด์ เขามีตลาดแน่นอน และก็ยังมีความต้องการอีก ส่วนเรื่องการขนส่งนั้นเดี๋ยวนี้ทุกอย่างง่ายมาก ทั่วประเทศมีการขนส่งสินค้าเกษตรที่รวดเร็ว ผมส่งร้านขายส่งที่ตลาดไท สินค้าผมก็จะส่งตรงไปที่ตลาดไท และที่สำคัญคือ ราคาอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ หน้ามะละกอแพงจะอยู่ที่ 27-30 บาท ถ้าผลสวยมาก เกรดเอ จะอยู่ที่ 50 บาท นอกจากนั้นราคาขยับไปมาอยู่ที่ 10-25 บาท ประมาณนี้
” ต้นทุนอยู่ที่การบำรุงดินของเรา หรือการดูแลเอาใจใส่นั่นเอง ส่วนเรื่องน้ำ ผมใช้ระบบน้ำหยด โดยทำสระเก็บน้ำที่ผมนำความรู้จากการเป็นวิศวกรมาใช้ ต้นทุนเพียง 5,000 บาท สามารถจุน้ำได้ถึง 50,000 ลิตร จึงเพียงพอสำหรับทำน้ำหยด ถือว่าเป็นการบริหารน้ำเพื่อใม่ให้สูญเสียทรัพยากรน้ำ และต้นมะละกอก็เป็นพืชที่ต้องการน้ำทีละน้อยแต่บ่อยๆ” คุณสันติภาพ อธิบาย
เนื้อหนา หวานฉ่ำ เก็บได้นาน
คุณสันติภาพ บอกว่า ปัจจัยหลักคือ ต้องการทำเป็นธุรกิจเกษตร คือเป้าหมายหลักและจะพยายามทำให้เป็นที่ยอมรับว่า ธุรกิจเกษตรนั้น ทำให้คนรวยได้ในพริบตา โดยที่ไม่จำเป็นที่จะต้องปลูกผลไม้ที่มีราคาแพงอย่างทุเรียน ถ้านับจากความเป็นจริงแล้ว การปลูกมะละกอรายได้ก็พอๆ กันกับทุเรียนที่ให้ผลผลิตปีละครั้ง แต่มะละกอให้ผลผลิตทั้งปี ถ้าดูแลดีๆ ซึ่งโดยปกติแล้วให้ผลผลิตสองรอบ แต่ละรอบในการผลิต ใช้เวลา 1 เดือน ก็ทำเงินได้แล้ว
จากการคำนวณคร่าวๆ การปลูกมะละกอของคุณสันติภาพ กล่าวว่า ณ วันนี้ ตนได้มีจุดเริ่มต้นที่ชัดเจนและยั่งยืน เพราะการทำสวนมันไม่ได้จบในคราวเดียว ต้นไม้ไม่ได้อยู่แค่ระยะสั้นๆ อย่างน้อยการตลาดที่ผูกมัดกันไว้ ก็ทำให้เขามองเห็นจุดขาย จุดทำรายได้ของสวนว่า ทำแล้วมีเงิน เพราะตราบใดที่ประชาชนยังมีการบริโภคอาหาร มะละกอเป็นส่วนหนึ่งของอาหารและยังเป็นวิตามิน และอาหารเสริมได้ นั่นแหละคือ ความยั่งยืน