แนะวิธีปลูกผักแบบไส้ตะเกียง ใช้น้ำน้อย ประหยัดพื้นที่
30 พ.ค. 2566
34
0
แนะวิธีปลูกผักแบบไส้ตะเกียง
แนะวิธีปลูกผักแบบไส้ตะเกียง ใช้น้ำน้อย ประหยัดพื้นที่

ตำบลภูเขาทอง อำเภอหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นเขตที่ราบสูงที่มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การปลูกพืชได้ทุกชนิด แต่ชาวบ้านที่พักอาศัยในบริเวณรอบเขตเมืองนั้นส่วนใหญ่พากันซื้อผักจากตลาดมาบริโภค ชาวบ้านบางครอบครัวไม่มีพื้นที่ปลูกผักสวนครัวกินเอง แถมผักที่ซื้อขายในท้องตลาดนั้นค่อนข้างมีราคาแพงและเต็มไปด้วยสารเคมี ดังนั้น การปลูกพืชผักสวนครัวไว้กินเองนั้นจึงเป็นการสำรองอาหารอีกวิธีหนึ่ง

นักศึกษา กศน.ตำบลภูเขาทอง เล็งเห็นประโยชน์ของการปลูกผักจึงได้ศึกษาค้นคว้าเรื่องการปลูกผักด้วยวิธีการสัมภาษณ์เกษตรกร ค้นหาข้อมูลอินเตอร์เน็ต จนได้ข้อสรุปว่า การปลูกผักสวนครัวแบบไส้ตะเกียงเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะสะดวก ประหยัดเวลาในการปลูกและดูแลพืชผักสวนครัว ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อผักบริโภคในครัวเรือน

ปลูกผักแบบไส้ตะเกียง
ทำได้ง่าย ไม่ยาก
การปลูกผักแบบไส้ตะเกียง เริ่มจากจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์คือ ท่อน้ำพีพีซี เลื่อยตัดเหล็กสำหรับตัดท่อน้ำพีพีซี คัตเตอร์ กรรไกร ด้าย ถังน้ำ ตะกร้า ผักสวนครัว รวมทั้งวัสดุสำหรับปลูกพืช เช่น ดินร่วน ขุยมะพร้าว ถ่านแกลบ

วิธีทำ เริ่มจากนำด้ายมาทำเป็นไส้ตะเกียง หลังจากนั้น ตัดท่อพีพีซีสำหรับเติมน้ำในถัง นำตะกร้ามาเจาะรูใส่ท่อเติมน้ำพร้อมนำไส้ตะเกียงมาใส่ นำพืชผักสวนครัวที่เตรียมไว้มาปลูกในตะกร้า นำดินมาเติมใส่ให้เต็ม หลังจากนั้นรดน้ำพอให้ชุ่ม ปล่อยให้พืชเติบโตตามธรรมชาติ

ตัดท่อพีวีซีสำหรับเติมน้ำในถัง
หลังการเพาะปลูก นักศึกษา กศน.ตำบลภูเขาทองพบว่า การปลูกพืชแบบไส้ตะเกียงช่วยลดค่าใช้จ่ายในเรื่องค่าซื้อผัก ค่าน้ำมันรถหรือค่ารถไปตลาด แถมประหยัดเวลาในการดูแลรักษา สามารถนำไปใช้งานได้จริงในการใช้ชีวิตแบบหอพักหรือคอนโดฯ ซึ่งมีข้อจำกัดด้านพื้นที่ ให้สามารถปลูกผักสวนครัวไว้กินเองได้

นักศึกษา กศน.ตำบลภูเขาทองได้ต่อยอดนวัตกรรมการปลูกพืชแบบไส้ตะเกียง โดยนำความรู้ที่ได้ไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนทั่วไปในพื้นที่ได้นำความรู้นี้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันเรื่องการปลูกพืชแบบไส้ตะเกียงในแต่ละครัวเรือน และสามารถสร้างเป็นอาชีพ สร้างรายได้ให้กับครอบครัว ขณะเดียวกัน สามารถต่อยอดในรูปแบบปลูกต้นไม้ฟอกอากาศในสำนักงานได้อีกด้วย

นำตะกร้ามาเจาะรู ใส่ท่อเติมน้ำในถัง
นวัตกรรมการปลูกพืชแบบไส้ตะเกียงใช้หลักการดูดน้ำมันของไส้ตะเกียงในสมัยก่อน เมื่อเราจุดไฟที่ไส้ตะเกียง น้ำมันที่อยู่ในเชือกจะถูกเผาเป็นเชื้อเพลิง เมื่อน้ำมันที่อยู่ด้านบนเชือกถูกใช้ไป น้ำมันด้านล่างก็จะซึมมาแทนที่ ทำให้เกิดการติดไฟอย่างต่อเนื่อง การปลูกผักก็เช่นกัน เมื่อใช้เชือกเศษผ้าหรือเชือกที่สามารถซึมซับน้ำได้มาเป็นส่วนที่จะทำหน้าที่ดูดน้ำขึ้นมาให้กับต้นผักของเรา โดยเชือกนี้จะอยู่ในน้ำครึ่งหนึ่งและในดินอีกครึ่งหนึ่ง เมื่อต้นผักดูดน้ำในดินไปจะทำให้ดินแห้ง แล้วน้ำที่ซึมอยู่ในเชือกก็จะถูกกระจายออกไปยังดิน ทำให้เกิดการดูดน้ำขึ้นมาอัตโนมัติตามที่ผักต้องการ

สรุปข้อดีของนวัตกรรมการปลูกพืชแบบไส้ตะเกียงคือ ช่วยลดการให้น้ำ ลดเวลาในการดูแล และช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ช่วยสร้างรายได้ให้กับครอบครัว สามารถปลูกพืชผักสวนครัวแบบไส้ตะเกียงได้ทุกแห่ง ช่วยเพิ่มความสวยงามให้แก่อาคารบ้านเรือนได้อีกอนึ่ง ความสำเร็จของการศึกษาโครงงานเรื่องนี้ นักศึกษา กศน.ตำบลภูเขาทองได้ความช่วยเหลือให้คำปรึกษาจาก นางปัทมา เวียงอินทร์ ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอหนองพอก พร้อมด้วย นายมานิตย์ นิลผาย และ นายบรรเทิง ขานดา ครู กศน.ตำบลภูเขาทอง ที่ได้ให้ความกรุณาชี้แนะแนวทางและการตรวจสอบการแก้ไขข้อบกพร่องของโครงงานจนสำเร็จด้วยดี

ตกลง