วิเคราะห์ความน่าลงทุนและการตลาดของผลไม้ตระกูลแตง
26 ก.ค. 2564
1,527
0
วิเคราะห์ความน่าลงทุนและการตลาดของผลไม้ตระกูลแตง
วิเคราะห์ความน่าลงทุนและการตลาดของผลไม้ตระกูลแตง

วิเคราะห์ความน่าลงทุนและการตลาดของผลไม้ตระกูลแตง

ประจุบันผลไม้ตระกูลแตงประเภทเมล่อน เคนตาลูป และแตงทิเบต แตงโม กำลังเป็นที่ต้องการของตลาด ในอดีตผลไม้กลุ่มนี้บางชนิดจะนำเข้าจากต่างประเทศมาจำหน่าย ซึ่งมีราคาแพง และด้วยความที่เป็นผลไม้ที่มีราคาสูง จึงเป็นแรงจูงใจให้เกษตรกรหันมาสนใจปลูกกันมาก ดังนั้น เราลองมาวิเคราะห์ความน่าลงทุนในการปลูกแคนตาลูป เมล่น และแตงทิเบต ของชาวเกษตรกรกันดีกว่า อย่ามองเพียงแค่ราคาขาย แต่อยากให้มองว่าเราจะทำให้มันรอดไปจนถึงวันได้ขายแล้วเหลือกำไรเท่าไหร่ดีกว่า

ดยแคนตาลูป เลม่อนและแตงทิเบต จะมีความเหมือนกัน คือ 1 ต้น = 1 ลูก และ 1 ไร่จะปลูกได้ประมาณ 3,000 ต้น ในการควบคุมพื้นฐานต่างกันไม่มาก ต้นทุนการผลิตต่อไร่ในสวนของอุปกรณ์ไม่ต่างกัน เช่น
- พลาสติกคลุมแปลง 2 ม้วนๆ ละ 1,500 บาท (ยาว 4 เมตร เจาะรูแล้ว) = 3,000 บาท
- สายน้ำหยด 2 ม้วนๆ ละ 1,800 บาท (ม้วนละ 1,000 เมตร) = 3,600 บาท
- ปุ๋ยเคมี ประมาร 3 กระสอบๆ ละ 1,000 = 3,000 บาท
- ไม้ค้าง 1,000 ลำ ประมาณ 2,500 บาท
- ค่าอุปกรณ์อื่นๆ เช่น เชือก อาจมีไม่มาก
ทั้งหมดนี้เป้นราคาโดยประมาณ ส่วนอื่นๆ ที่ต่างกันก็คือ ค่าจ้าง ค่าธาตุอาหารเสริมทางใบ ค่าสารเคมีกำจัดโรค-แมลง ซึ่งสิ่งเหล้านี้จะเป็นตัวแปรสำคัญของต้นทุนแต่เราจะประเมินการลงทุนแรกรวมทั้งหมด รวมทั้งค่ายา ค่าแรงงานไว้ที่ไร่ละประมาณ 25,000-30,000 บาท “กระถางแก้มลิง”ภูมิปัญญาชาวบ้าน ประหยัดน้ำ ประหยัดพื้นที่
อย่างไรก็ดี หากเราพิจารณาเปรียบเทียบเป็นรายชนิดผลไม้ ดังนี้

1.แคนตาลูป  ค่าเมล็ด 1 บาท/เมล็ด ผลผลิต 1 ลูก 2 กก. (แต่แคนตาลูปสามารถทำน้ำหนักได้ถึง 2.5 กก.) ราคาต่อ กก. 15-20 บาท (ราคาขายหน้าสวน) รายได้ต่อต้น 30-40 บาท รายได้เฉลี่ยต่อไร่ประมาณ 90,000-120,000 บาท (เป็นราคาเฉลี่ย ซึ่งอาจได้สูงถึง 150,000 บาท หากเป็นช่วงราคาแคนตาลูปที่มีการฉีดพ่นยาก็คือ มีโอกาสสำเร็จมากที่สุดเพราะทรหด อดทนที่สุด โรค-แมลงรบกวนน้อยที่สุด ที่สำคัญอายุการเก็บเกี่ยว 60 วันเท่านั้น แต่จำนวนวันที่ต้องดูแลน้อยกว่า ความเสี่ยงลดลง รอบการผลิตต่อปีจะเยอะกว่าตลาดกว้าง ตลาดรองได้มากเพราะราคาไม่แพง

2.เมล่อน ผลไม้ชนิดนี้มีคนอยากปลูกกันเยอะ เพราะมองที่ราคาขายกันเป็นหลัก ต้นทุนค่าเมล็ดพันธุ์ 4-7 บาท/เมล็ด ผลผลิต 1 ลูก 1.5-2 กก. (ส่วนใหญ่น้ำหนักผลจะน้อยกว่าแคนตาลูป) ราคาต่อ กก. 40-45 บาท รายได้เฉลี่ยต่อต้น 60-80 บาท ผลตอบแทนต่อไร่เฉลี่ย 180,000-200,000 บาท (ถ้าได้ผลผลิต 80-90%) แต่จุดเสี่ยงของเมล่อนก็คือ โอกาสลุล่วงน้อยกว่าแคนตาลูป เพราะอ่อนแอกว่าแคนตาลูป โอกาสที่จะเสี่ยงจากโรค-แมลงรบกวนจึงมีมาก โดยมีอัตราความสูญเสีย 20-30% (รายได้ก็จะลดลง) ขณะที่ต้นทุนส่วนนี้ก็จะเพิ่มขึ้น ที่สำคัญอายุการเก็บเกี่ยว 75-90 วันเท่านั้น แต่เงินลงทุนจะสูงกว่าแคนตาลูป ซึ่งจะมาจากการดูแลเรื่องปุ๋ย การพ่นสารเคมี และเสี่ยงต่อความเสียหายไปอีก 25-30 วัน ในส่วนของตลาดเมล่อนก็จะขายยากกว่า ตลาดไม่กว้างเหมือนแคนตาลูป ในการบำรุงรักษาระหว่างปลูกต้องหมั่นคุมดีๆ ต้องหมั่นดูแลหญ้า ตัดหญ้าอย่างสม่ำเสมอ เพราะราคาสูงกว่า ต้องป้อนตลาดบนหรือตลาดห้างฯ เป็นหลัก ส่วนที่ตกเกรดคนรับซื้อก็จะรับซื้อราคาถูก ตลาดล่างขายยากเพราะราคาสูง ต้องหาตลาดล่างมารองรับให้ได้

3.แตงทิเบต มีต้นทุนค่าเมล็ดพันธุ์แพง เฉลี่ย 7-10 บาท/เมล็ด เมล็ดพันธุ์หายาก ผลผลิต 1 ลูก 2.5-3 กก. ราคาต่อ กก. 30-35 บาท (หน้าสวน) รายได้เฉลี่ยต่อต้น 80-100 บาท ผลตอบแทนระหว่างไร่เฉลี่ย 220,000-250,000 บาท (ถ้าได้ผลผลิต 80-90%) แต่จุดเสี่ยงของแตงทิเบตก็คือ โอกาสสำเร็จน้อยกว่า 2 ชนิดที่กล่าวมา เพราะอ่อนแอและใจเสาะสุดๆ โอกาสที่จะเสียหายต่อโรค-แมลงจึงมีมาก โดยมีอัตราความสูญเสีย 30-40% (รายได้ก็จะลดลง) การลงทุนในส่วนนี้จะสูงขึ้น อายุการเก็บเกี่ยว 75-80 วัน ในส่วนของตลาดแตงทิเบตก็จะขายยากกว่า ตลาดแคบกว่าทั้ง 2 ชนิด เพราะด้วยความที่เป็นแตงลูกใหญ่ ราคาต่อลูกจึงสูงถึง 130-180 บาท จึงต้องป้อนตลาดบนหรือตลาดห้างเป็นหลัก ตลาดล่างขายยากเพราะราคาสูง

วนแตงโมเป็นพืชตระกูลแตงอีกชนิดหนึ่งที่ตลาดให้การตอบรับตลอดทั้งปี เพราะเป็นผลไม้ที่คนไทยนิยมรับประทานทุกกลุ่ม เพราะราคาไม่แพงมาก แตงโมจะมีอยู่หลายสายพันธุ์วิธีการปลูกไม่ยุ่งยากเหมือนพืชตระกูลแตงที่กล่าวมาก่อนหน้านี้จะมีต้นทุนสูงจากการจัดการเรื่องโรคและแมลง ที่ต้องใช้สารกำจัดเป็นระยะ มีต้นทุนการปลูกต่อไร่เฉลี่ย 5,000-7,000 บาท หากบำรุงรักษาเป็นอย่างดีจะได้ผลผลิตเฉลี่ย 2-2.5 ตันต่อไร่ แตงโมราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 10-15 บาท แล้วแต่สายพันธุ์ ผู้ปลูกจะมีรายได้เฉลี่ย 20,000-25,000 บาท/ไร่
จากข้อมูลข้างต้น เกษตรกรสารถวิเคราะห์ได้ว่าจะปลูกแตงอะไร ก็ลองพิจารณาดู เพราะเป็นพืชเศรษฐกิจที่ตลาดตอบรับดี แต่ไม่อยากให้มองแค่ราคาขาย/กก.เป็นหัวใจหลัก อยากให้คำนึงถึงด้านอื่นๆ ประกอบกันไปด้วย

ตกลง