‘ฟาร์มไก่ไข่ครบวงจร’ โมเดลที่ CP นำไปช่วยลดความยากจนในยูนนาน
13 ก.ย. 2564
378
0

‘ฟาร์มไก่ไข่ครบวงจร’ โมเดลที่ CP นำไปช่วยลดความยากจนในยูนนาน

ศูนย์ Thaibiz ประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครคุนหมิง ติดตาม นายพรภพ อ่วมพิทยา กงสุลใหญ่ ณ นครคุนหมิง ไปเยี่ยมชม Kunming Zhengda Co., Ltd. หรือ คุนหมิงเจียไต๋ ที่เมืองอานหนิง ในนครคุนหมิง และหารือกับคณะผู้บริหารของเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP Group) ในมณฑลยูนนาน


www.thaiembassy.org

CP กับสายสัมพันธ์ในยูนนาน 

บริษัท Kunming Zhengda จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2534 ประกอบธุรกิจผลิตอาหารสัตว์ โดยมีบริษัทในยูนนานที่อยู่ภายใต้การดูแลอีก 5 บริษัท ได้แก่

(1) บริษัท Kunming Zhengda Livestock จำกัด
ประกอบธุรกิจเลี้ยงไก่เนื้อ ไก่ไข่ และสุกร

(2) บริษัท Dali Zhengda จำกัด
ประกอบธุรกิจผลิตอาหารสัตว์

(3) บริษัท Yunnan Zhengda Seed จำกัด
ประกอบธุรกิจปลูกและแปรรูปข้าวโพดป้อนโรงงานอาหารสัตว์ในเครือ

(4) บริษัท Qujing Zhengda Agro-Industry Financial Guarantee จำกัด
ประกอบธุรกิจให้บริการค้ำประกันทางการเงิน

(5) บริษัท Zhengda Food จำกัด Yunnan Branch
ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปที่ผลิตจากบริษัทในเครือที่อยู่ในมณฑลอื่น


www.thaibizchina.com

โมเดลเกษตรครบวงจรเป็นอย่างไร

ขอบข่ายธุรกิจของบริษัทที่กล่าวถึงข้างต้น ถือว่าเกือบจะครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำของอุตสาหกรรมเกษตรครบวงจร กล่าวคือ มีการปลูกและแปรรูปข้าวโพดเองเพื่อป้อนโรงงานผลิตอาหารสัตว์ โดยอาหารสัตว์จะถูกนำไปเลี้ยงไก่เนื้อ ไก่ไข่ และสุกร (รวมทั้งจำหน่ายให้แก่ลูกค้าด้วย) ก่อนที่เนื้อไก่ เนื้อสุกรชำแหละ และไข่ไก่จะถูกจำหน่ายให้ลูกค้าต่อไป

อย่างไรก็ตาม วงจรดังกล่าวยังขาดข้อต่อสุดท้ายในช่วงปลายน้ำ นั่นคือ การนำเนื้อไก่และเนื้อสุกรไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป ซึ่งล่าสุด มีการก่อตั้ง บริษัท Zhengda Food (Kunming) จำกัด เพื่อประกอบธุรกิจผลิตอาหารสำเร็จรูป โดยกำลังก่อสร้างโรงงานแปรรูปอาหารในเขต Kunming New & Hi-Tech Industrial Development Zone ซึ่งคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มผลิตสินค้าได้ภายใน 1 ปี


www.thaiembassy.org

ตามไปดูการบริหารจัดการฟาร์มไก่ไข่ครบวงจร 3 ล้านตัว 

ด้านการเกษตรครบวงจรเพื่อลดความยากจน เครือเจริญโภคภัณฑ์กับรัฐบาลเขตตงชวนในนครคุนหมิง และบริษัท Kunming Industrial Development and Investment จำกัด ลงนามความร่วมมือใน โครงการฟาร์มไก่ไข่ครบวงจร 3 ล้านตัว มูลค่า 500 ล้านหยวน ซึ่งถือเป็นโครงการลำดับที่ 2 ในเป้าหมาย 20 โครงการทั่วจีนของเครือเจริญโภคภัณฑ์ (หลังจากมีโครงการแรกที่เขตผิงกู่ กรุงปักกิ่ง)

ภายในโครงการฟาร์มไก่ไข่ครบวงจรประกอบด้วย

  • โรงงานผลิตอาหารสัตว์ 1.2 แสนตัน
  • ฟาร์มเลี้ยงลูกไก่ 1 ล้านตัว
  • ฟาร์มเลี้ยงไก่ไข่ 3 ล้านตัว
  • โรงคัดแยกไข่และแปรรูปไข่
  • ฟาร์มเลี้ยงจระเข้ 5,000 ตัว
  • โรงงานผลิตปุ๋ย 6 หมื่นตัน 

โครงการฟาร์มไก่ไข่นี้อยู่บนพื้นที่ 1,570 หมู่ (655 ไร่) คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและจำหน่ายไข่ไก่กับผลิตภัณฑ์จากไข่ไก่ได้ในเดือนมกราคม 2563 และจะมีความครบวงจรในตัวเองระดับหนึ่ง กล่าวคือ มีการผลิตอาหารสัตว์เอง เพาะเลี้ยงลูกไก่และเลี้ยงไก่ไข่เอง โดยใช้จระเข้กำจัดลูกไก่และไก่ไข่ที่ไม่ผ่านมาตรฐาน เนื้อและหนังจระเข้ก็สามารถนำไปจำหน่ายและมูลไก่ก็นำมาผลิตปุ๋ยออร์แกนิกต่อได้ ส่วนไข่ไก่ที่ได้มาตรฐานก็จะนำไปจำหน่ายเป็นไข่ไก่สด รวมทั้ง ไข่แดง ไข่ขาว และไข่เหลวบรรจุถุงสำหรับอุตสาหกรรมที่ใช้ไข่ไก่ในปริมาณมาก ทั้งนี้ ไข่ไก่ส่วนหนึ่งและไก่ไข่ที่ปลดระวางแล้วจะถูกส่งไปที่โรงงานในเครือเพื่อแปรรูปเป็นอาหารสำเร็จรูปต่อไป

www.thaibizchina.com

ฟาร์มไก่ไข่ลดความยากจนอย่างยั่งยืนได้อย่างไร

ถึงจุดนี้บางคนคงจะมีคำถามว่า โครงการนี้จะช่วยลดความยากจนอย่างยั่งยืนได้อย่างไร?

โครงการฟาร์มไก่ไข่ครบวงจร 3 ล้านตัว ใช้รูปแบบการลงทุนแบบ 4 in 1 ได้แก่ รัฐบาลท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจท้องถิ่น ธนาคารท้องถิ่น และ เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวคือ

  • รัฐบาลท้องถิ่น สนับสนุนที่ดิน ระบบสาธารณูปโภค และค่าดอกเบี้ยที่เกิดจากรัฐวิสาหกิจท้องถิ่นกู้เงินเพื่อการลงทุนจากธนาคารท้องถิ่น
  • รัฐวิสาหกิจท้องถิ่น ว่าจ้างบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ให้ก่อสร้างโรงงานตามมาตรฐานของเครือเจริญโภคภัณฑ์ เมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จ บริษัทของเครือเจริญโภคภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจผลิตอาหารสัตว์ ไก่ไข่ ไข่ไก่ จระเข้ และปุ๋ยออร์แกนิกก็ทำสัญญาเช่าที่ดินและโรงงานจากรัฐวิสาหกิจท้องถิ่นเป็นเวลา 20 ปี โดยเครือเจริญโภคภัณฑ์จะชำระค่าเช่าให้แก่รัฐวิสาหกิจท้องถิ่นจำนวน 1,200 ล้านหยวน และชำระภาษีให้แก่รัฐบาลท้องถิ่นอีกประมาณ 1,000 ล้านหยวน
  • เงินสนับสนุนจากรัฐบาลท้องถิ่น เดิมเป็นงบประมาณที่จะถูกนำไปช่วยเหลือประชากรที่ยากจน ซึ่งอาจจะช่วยเหลือได้ในระยะสั้น แต่หากนำมาร่วมลงทุนในโครงการดังกล่าว เงินก็จะออกดอกออกผลและมีงบประมาณที่สามารถนำไปช่วยเหลือประชากรที่ยากจนได้ในระยะยาวต่อไป
  • ในส่วนของที่ดินที่นำมาจัดสรรสำหรับการดำเนินโครงการนั้น รวบรวมมาจากประชาชนในท้องถิ่น เมื่อได้รับค่าเช่าจากเครือเจริญโภคภัณฑ์แล้ว ก็จะนำมาปันผลคืนให้แก่ประชาชนที่เป็นเจ้าของที่ดินต่อไป โดยโครงการดังกล่าวยังช่วยสร้างงานให้แก่ประชาชนที่อาศัยอยู่โดยรอบพื้นที่โครงการอีกด้วย

www.thaibizchina.com

บทบาทของซีพีในการช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในยูนนาน

เครือเจริญโภคภัณฑ์ตั้งเป้าหมายทางธุรกิจในยูนนาน 4 ด้าน ได้แก่ เลี้ยงไก่ไข่ 3 ล้านตัว (ผลิตไข่ไก่ร้อยละ 10 ของยูนนาน) เลี้ยงไก่เนื้อ 100 ล้านตัว เลี้ยงสุกร 2 ล้านตัว (ผลิตเนื้อสุกรร้อยละ 10 ของยูนนาน) และผลิตอาหารสัตว์ 1 ล้านตัน (สัดส่วนร้อยละ 25 ของยูนนาน) โดยคาดว่าจะบรรลุเป้าหมายได้ภายใน 2 ปี

นอกจากจะช่วยสร้างแบรนด์ C.P. ในยูนนานให้แข็งแกร่ง เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค และส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเครือเจริญโภคภัณฑ์กับหน่วยงานภาครัฐของจีนเองแล้ว ยังเป็นการช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยกับจีนอีกทางหนึ่งด้วย

นอกจากนี้ เครือเจริญโภคภัณฑ์จะมีบทบาทในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในยูนนานมากขึ้น เนื่องจากมีการลงนามข้อตกลงกรอบความร่วมมือยุทธศาสตร์กับรัฐบาลยูนนานไปเมื่อเดือนมกราคม 2560 ซึ่งจะผนวกยุทธศาสตร์ธุรกิจของเครือเจริญโภคภัณฑ์กับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของมณฑลยูนนาน โดยเน้นสาขาการลงทุนที่ยูนนานมีศักยภาพและเครือเจริญโภคภัณฑ์มีความเชี่ยวชาญ อาทิ

  • เกษตรที่ราบสูง
  • การผลิตอาหารและสินค้าอุปโภคบริโภค
  • การศึกษาและวัฒนธรรม
  • การค้าปลีก
  • ยาชีวภาพและสุขภาพ
  • จักรกลอัจฉริยะ
  • เขตความร่วมมือเศรษฐกิจข้ามพรมแดนและเขตความร่วมมือเศรษฐกิจในต่างประเทศ โดยใช้ประโยชน์จากจุดเด่นด้านที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ของยูนนาน ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงจีนตอนใต้กับภูมิภาคเอเชียใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตามแนวระเบียงเศรษฐกิจหลายแนวภายใต้การริเริ่ม หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง (One Belt One Road)

นอกจากนี้ เครือเจริญโภคภัณฑ์ยังมีบทบาทในการผลักดันระเบียงเศรษฐกิจจีน-ลาว-ไทย และเขตทดลองความร่วมมือยูนนาน-ลาว-ไทย ซึ่งมีพื้นฐานของความเชื่อมโยงหลายเส้นทาง อาทิ ถนน R3A แม่น้ำโขง การคมนาคมทางอากาศ รวมทั้ง เส้นทางรถไฟจีน-ลาว-ไทย เป็นปัจจัยสนับสนุน ซึ่งถือเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายสำหรับประเทศไทยที่ทุกฝ่ายควรติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป

ตกลง