จากสถานการณ์พายุฝนที่ตกหนัก เกิดน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมขังหลายพื้นที่ในประเทศไทย รวมถึงส่งผลกระทบและความเสียหายต่อนาข้าวในหลายระยะ
- ระยะกล้า” ข้าวที่อายุน้อยกว่า 30 วัน หากน้ำท่วมเกิน 10 วัน ต้นข้าวจะลอยและแช่น้ำ เน่าเสียหายทั้งหมด
- ระยะแตกกอ” น้ำท่วมยอดเกิน 1–2 สัปดาห์ ข้าวจะแช่น้ำเน่าตาย กรณีข้าวโผล่พ้นผิวน้ำหลังน้ำลดจะทำให้ต้นข้าวหักล้ม
- ระยะเกิดช่อดอก” ทำให้ช่อดอกชะงักการเจริญเติบโต
- ระยะใกล้ออกดอก” รวงจะโผล่ไม่พ้นกาบใบ
- ระยะออกดอก” ส่งผลให้เมล็ดข้าวลีบ
- ระยะใกล้เก็บเกี่ยว” ถ้าน้ำท่วมขังนาน ข้าวจะล้มและเน่า
สำหรับการจัดการนาข้าวเพื่อยับยั้งความเสียหายและฟื้นฟูหลังน้ำลด มีดังนี้
- กรณีแปลงนาที่เกิดน้ำท่วมขังเป็นระยะเวลาไม่นาน น้ำสูงไม่ถึงยอดข้าวและต้นข้าวยังไม่ตาย ให้รีบระบายน้ำออกจากแปลงนาให้เหลือ 5–10 เซนติเมตร
- ทำการฟื้นฟูนาข้าวหลังน้ำลด นาที่ต้นข้าวยังเขียวอยู่เกิน 3 วัน และพบว่าต้นข้าวในนามีสีเขียวเพิ่มมากขึ้น กรณีนี้เกษตรกรยังไม่ต้องใส่ปุ๋ย แต่ให้หมั่นสำรวจโรคและแมลง ไม่ให้มารบกวน
- หากต้นข้าวในนาเริ่มมีอาการสีเหลืองที่ใบ ให้ใส่ปุ๋ยยูเรียอัตราส่วน 3-5 กิโลกรัม/ไร่ เพื่อฟื้นฟูสภาพต้นข้าว ไม่ควรใส่ปุ๋ยยูเรียมากเกินอัตราแนะนำ เพราะจะทำให้ต้นข้าวเกิดโรคได้
- แปลงนาที่ข้าวออกรวง ให้เร่งระบายน้ำจนแห้งและห้ามใส่ปุ๋ยเพราะจะทำให้ดินมีความร้อน ต้นข้าวจะตายง่ายขึ้นและเกษตรกรต้องหมั่นสำรวจโรคและแมลงไม่ให้มารบกวน
- กรณีที่ข้าวอยู่ในระยะสุกแก่ให้เร่งทำการเก็บเกี่ยวและตากข้าวให้แห้งโดยเร็วเพื่อลดความชื้นของเมล็ด
สำหรับนาข้าวที่ได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด จำเป็นต้องปลูกใหม่ ก่อนเตรียมดินสำหรับปลูกรอบใหม่ หากมีฟางข้าว เศษวัชพืชอยู่ในแปลงนาควรคราดเก็บออก หรือใช้วิธีการไถกลบหมักฟางข้าวและเศษวัชพืชก่อนปลูกข้าวอย่างน้อย 7 วัน เพื่อล่อให้วัชพืชอื่น ๆ งอกขึ้นมา แล้วไถกลบอีกครั้งเพื่อกำจัดวัชพืช
แช่เมล็ดพันธุ์ข้าวด้วยเชื้อราไตรโคเดอร์มาก่อนหว่าน อัตราไตรโคเดอร์มา 1 กก. ต่อน้ำ 200 ลิตร ต่อเมล็ดพันธุ์ข้าว 100 กก. เพื่อป้องกันโรคข้าวที่เกิดจากเชื้อราหลังน้ำลด
พ่นด้วยสารสกัดสะเดา หรือ Bacillus truringiensis (Bt) เมื่อพบหนอนกระทู้คอรวง หนอนกระทู้กล้าข้าว หลังน้ำลด ในพื้นที่นอกเขตชลประทาน ควรปลูกพืชหลังนา เช่น ถั่วเขียว ถั่วเหลือง เป็นต้น จะช่วยตัดวงจรการระบาดของโรคและแมลงศัตรูข้าวหลังน้ำลด
หากมีข้อสงสัยเพิ่มสามารถสอบถามได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอ สำนักงานเกษตรจังหวัดใกล้บ้านท่าน
ที่มา : กองส่งเสริมการอารักขาพืชและจัดการดินปุ๋ย กรมส่งเสริมการเกษตร