เตือนการเฝ้าระวัง โรคเน่าที่ปลายผลเมล่อน ประจำเดือน พฤษภาคม 2568
16 พ.ค. 2568
51
0
เตือนการเฝ้าระวัง
เตือนการเฝ้าระวัง โรคเน่าที่ปลายผลเมล่อน ประจำเดือน พฤษภาคม 2568

เตือนการเฝ้าระวัง โรคเน่าที่ปลายผลเมล่อน

อาการของโรค
  จากภาพที่เห็น คือลักษณะของโรคเน่าที่เกิดจากเชื้อรา **Fusarium** หรือ **Phytophthora** ซึ่งมีลักษณะเด่นคือ:
   - ปลายผลเริ่มเน่าและมีเชื้อราสีเขียวอมฟ้าหรือสีน้ำตาลขึ้นปกคลุม
   - เนื้อผลเปลี่ยนสีและยุบตัว
   - เชื้อราแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในสภาพอากาศที่มีความชื้นสูง

  สาเหตุหลักในโรงเรือน
  สำหรับการปลูกในโรงเรือน มีหลายปัจจัยที่อาจเป็นสาเหตุ:
  1. ความชื้นสูงเกินไป - โรงเรือนปิดทึบเกินไปทำให้อากาศถ่ายเทไม่สะดวก
  2. การให้น้ำมากเกิน - รากเปียกแฉะ ทำให้เชื้อราเจริญเติบโตได้ดี
  3. ธาตุอาหารไม่เพียงพอ - เมล่อนได้รับธาตุอาหารที่ไม่เพียงพอ
4. การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ - ความแตกต่างของอุณหภูมิกลางวัน-กลางคืนที่มากเกินไป
5. วัสดุปลูกปนเปื้อน - ดินหรือวัสดุปลูกอาจมีเชื้อโรคอยู่แล้ว

วิธีป้องกันที่ได้ผล
การป้องกันดีกว่าการแก้ไข! นี่คือวิธีที่จะช่วยลดความเสี่ยง:
1. จัดการความชื้นและอากาศ
    - เพิ่มการระบายอากาศในโรงเรือน
    - ติดตั้งพัดลมเพิ่มเติมเพื่อหมุนเวียนอากาศ
    - รักษาความชื้นสัมพัทธ์ให้อยู่ที่ 60-70%
2. การจัดการน้ำอย่างเหมาะสม
    - ใช้ระบบน้ำหยดแทนการฉีดพ่น
    - ให้น้ำตอนเช้า เพื่อให้ความชื้นลดลงในตอนกลางคืน
    - หลีกเลี่ยงการให้น้ำมากเกินไป
3. การจัดการธาตุอาหาร
    - ใช้ปุ๋ยAB เมล่อนคุณภาพสูง ที่มีธาตุอาหารครบถ้วน ทำให้ต้นเมล่อนแข็งแรง
    - หมั่นพลิกผลเพื่อให้แสงส่องถึงทั่วผล
    - ตรวจสอบผลอย่างสม่ำเสมอ
4. สุขอนามัยในแปลง
    - ล้างมือและเครื่องมือก่อนจับต้องพืช
    - กำจัดเศษซากพืชออกจากโรงเรือน
    - ฆ่าเชื้อในดินหรือวัสดุปลูกก่อนใช้งาน

วิธีรักษาเมื่อพบโรค
หากพบว่าผลเมล่อนเริ่มเป็นโรคแล้ว ควรดำเนินการดังนี้:
1. การจัดการทางกายภาพ
    - แยกผลที่เป็นโรคออกทันที
    - ไม่ควรทิ้งไว้ในโรงเรือนเด็ดขาด (นำไปเผาหรือฝังให้ลึก)
    - ลดความชื้นในโรงเรือนลงทันที
2. การใช้สารป้องกันกำจัด
    - พิจารณาใช้สารกำจัดเชื้อราที่มีประสิทธิภาพ
    - สารกลุ่ม benzimidazoles หรือ triazoles มักได้ผลดี
    - พ่นในช่วงอากาศแห้ง และต้องใช้ตามคำแนะนำบนฉลาก
3. วิธีชีวภาพ
    - ใช้เชื้อจุลินทรีย์ปฏิปักษ์ เช่น Trichoderma
    - ปรับสภาพดิน,วัสดุปลูกให้เป็นกรดเล็กน้อย (pH 5.8-6.5)

แนะนำผลิตภัณฑ์ "ไตรโคบิวพลัส"
ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่มีส่วนผสมของเชื้อราไตรโคเดอร์ม่าสายพันธุ์พิเศษ ช่วยควบคุมเชื้อราก่อโรคในดิน,วัสดุปลูกอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อใช้ร่วมกับการจัดการแปลงที่ดี จะช่วยลดการระบาดของโรคได้อย่างเห็นผล เพียงใช้ 50กรัม ผสมน้ำ 20 ลิตร ราดโคนต้นหรือฉีดพ่นทุก 5-7 วัน

คำแนะนำสุดท้าย
   การปลูกเมล่อนให้ได้ผลผลิตคุณภาพดีนั้น ต้องอาศัยความใส่ใจและการสังเกต เมล่อนเป็นพืชที่ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วงการพัฒนาผล
แนะนำปุ๋ย AB คุณภาพสูงจาก Little Farm
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญสู่ความสำเร็จในการปลูกเมล่อน คือการใช้ปุ๋ยที่มีคุณภาพ ปุ๋ย AB จาก Little Farm สูตรพิเศษสำหรับพืชตระกูลแตงโดยเฉพาะ ประกอบด้วย:
  - ธาตุอาหารครบถ้วนที่เมล่อนต้องการ
  - อัตราส่วนที่เหมาะสมสำหรับแต่ละช่วงการเจริญเติบโต
  - ช่วยเสริมความแข็งแรงให้ต้นพืช ทำให้ต้านทานโรคได้ดียิ่งขึ้น
  - ทำให้เมล่อนมีรสชาติหวานกรอบ เนื้อแน่น น้ำหนักดี
เกษตรกรที่ใช้ปุ๋ย AB จาก Little Farm ร่วมกับการจัดการแปลงที่ดี พบว่าผลผลิตมีคุณภาพสูงและลดปัญหาโรคได้อย่างเห็นได้ชัด
ขอให้สนุกกับการปลูกเมล่อน และหวังว่าเคล็ดลับเหล่านี้จะช่วยให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการเพาะปลูกนะคะ

ตกลง