รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรรัสเซีย Mr. Dmitry Patrushev ได้กล่าวในการประชุมของรัฐบาล เกี่ยวกับความคืบหน้าของการผลิตไก่สายพันธุ์ Smena-9 ที่พัฒนาขึ้นโดยศูนย์คัดเลือกและพัฒนาพันธุกรรม Smena ของรัสเซีย โดยคาดว่าอีก 7 ปีข้างหน้า หรือภายในปี 2023 หนึ่งในสี่ของไก่ที่ผลิตในประเทศจะได้มาจากไก่พ่อแม่สายพันธุ์ Smena-9 ของรัสเซีย ซึ่งจะช่วยเพิ่มระดับความมั่นคงทางอาหารให้กับรัสเซียอีกด้วย

ศูนย์คัดเลือกและพัฒนาพันธุกรรม Smena ดังกล่าว จัดตั้งขึ้นในภูมิภาคมอสโกและได้รับการขึ้นทะเบียนตั้งแต่ปี 2020 มีความโดดเด่นในเรื่องการพัฒนาสายพันธุ์เพื่อเพิ่มผลผลิตและเพิ่มคุณภาพของเนื้อสัตว์ โดยตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา ศูนย์ดังกล่าวได้เริ่มเปิดดำเนินการในส่วนเชิงพาณิชย์ขึ้น ซึ่งประกอบไปด้วย ฟาร์มเพาะเลี้ยงและคัดเลือกลูกสัตว์ 1 แห่ง ฟาร์มเลี้ยงพ่อแม่พันธ์โตเต็มวัย 2 แห่ง และสถานที่ฟักไข่สัตว์ปีกมีสามารถรองรับการฟักลูกสัตว์ได้ 26 ล้านตัว นอกจากนี้ยังมีส่วนพื้นที่ช่วงคราวที่ใช้จัดเก็บและจัดการวัสดุรองนอน ปัจจุบันศูนย์ฯ นี้ ได้เริ่มมีการนำไก่เข้ามาเลี้ยงแล้ว และภายในสิ้นปีนี้คาดว่าพื้นที่ทั้งหมดจะเต็มไปด้วยไก่ที่โตเต็มวัยจำนวน 72,000 ตัวและลูกไก่จำนวน 75,000 ตัว ซึ่งจะทำให้ศูนย์คัดเลือกและพัฒนาพันธุกรรม Smena แห่งนี้สามารถผลิตไก่พ่อแม่พันธุ์ได้มากถึง 1.3 ล้านตัวต่อปี

Mr. Vladimir Fisinin ประธานสหภาพสัตว์ปีกแห่งรัสเซีย และนักวิชาการของ Russian Academy of Sciences ได้เคยให้ข้อมูลเกี่ยวกับไก่สายพันธุ์ Smena-9 ที่พัฒนาขึ้นว่ามีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ยได้สูงถึงประมาณ 75 กรัมต่อวัน ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ของการเลี้ยงไก่ที่ดีมาก

การพัฒนาพันธุ์ไก่ลูกผสมสายพันธุ์ Smena-9 นี้เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2022 และถือเป็นก้าวที่สำคัญของอุตสาหกรรมเกษตรรัสเซีย เนื่องจาก ศูนย์ฯ นี้จะช่วยลดการนำเข้าและไม่ทำให้เนื้อไก่ขาดตลาด รวมถึงเป็นการสร้างโอกาสในการผลิตเนื้อสัตว์ปีกในประเทศเองโดยไม่ต้องพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ

รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรรัสเซีย ยังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลการทดสอบการนำไก่สายพันธุ์ Smena-9 มาเลี้ยงในระบบการผลิตปกติ ซึ่งพบว่าให้ผลผลิตได้ค่อนข้างดี ดังนั้นเป้าหมายต่อไปของศูนย์ Smena คือการจัดทำแนวทางการปฏิบัติเพื่อการเพาะเลี้ยงในฟาร์มขนาดใหญ่ โดยใช้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ประกอบเพื่อให้กระบวนการผลิตมีประสิทธิภาพตามที่ต้องการ

นอกจากนี้ Mr. Vladimir Fisinin (ประธานสหภาพสัตว์ปีกแห่งรัสเซีย) ยังได้กล่าวถึงความสำคัญของเทคโนโลยีที่ใช้ในจัดการทำความสะอาดโรงเรือนสัตว์ปีก ซึ่งส่งผลต่อการดูแลสุขภาพและการป้องกันโรคของไก่ที่อาจแพร่กระจายได้หากไม่มีการดูแลที่เหมาะสม ทั้งนี้ การทำความสะอาดจะไม่ได้จำกัดเพียงแค่การทำความสะอาดพื้นที่หลังจากเลี้ยงไก่เสร็จ แต่ยังครอบคลุมถึงการระบายอากาศก่อนนำไก่ชุดใหม่เข้ามาเลี้ยงด้วย เนื่องจากการเลี้ยงไก่หลายพันตัวในโรงเรือนจะทำให้เกิดออกไซด์ของโลหะหนักในอากาศที่จะซึมเข้าไปสะสมในเพดานและผนัง หากไม่มีการระบายอากาศและทำความสะอาดอย่างเหมาะสม เมื่อมีการปล่อยไก่ชุดใหม่เข้าไปจะเกิดกระบวนการละลายของสารออกไซด์โลหะหนักออกมา ซึ่งจะส่งผลให้การเจริญเติบโตและภูมิคุ้มกันของไก่ลดลง รวมถึงผลผลิตที่ลดลงด้วย

 ที่มา: สำนักข่าว Veterinary Medicine and Life