ทำชะอมต้องขยัน
คุณสายยินใช้ชีวิตมาด้วยความพอใจในสิ่งที่มี ที่เป็น เริ่มจากสมัยเด็ก เมื่อเรียนจบ ป.6 ก็ไม่ได้คิดไปเรียนต่อ หรือทำงานที่ไหน ช่วยแม่ทำงานมาตั้งแต่เด็ก เริ่มช่วยแม่ตั้งแต่ทำสวนน้อยหน่า จนเปลี่ยนมาทำสวนชะอม ก็ยังพอใจที่จะอยู่ตรงนี้ ไม่คิดไปทำงานโรงงานหรือที่อื่นใด เพราะพอใจที่จะอยู่ช่วยแม่ทำงานมากกว่า แต่ในสมัยวัยรุ่น ก็ยังช่วยแบบไม่จริงจังอะไรตามวัย มาเริ่มจริงจังตอนมีครอบครัว มีลูก ความรับผิดชอบมันมาเอง ตั้งแต่นั้นก็ตั้งใจทำงานช่วยแม่(ป้าดอกไม้)อย่างจริงจัง เริ่มตัดต้นน้อยหน่าทิ้ง ขยายสวนชะอมเพิ่มมากขึ้น เพราะเห็นโอกาสที่จะทำเงินจากชะอมมากกว่า น้อยหน่าขายได้ปีละหน ชะอมขายได้ทุกวัน จนวันนี้ ชะอมเริ่มเลยพื้นที่ปลูกเข้าไปที่นาข้าว แม้ขนาดนี้ ก็ยังไม่เพียงพอกับที่ตลาดต้องการ แต่คุณสายยินและป้าดอกไม้ ก็พอใจทำเท่าที่กำลังไหว เพราะเพียงเท่านี้ ชีวิตก็อยู่ได้อย่างมีความสุขแล้ว
หลักคิดและการใช้ชีวิตของคุณสายยินนั้นมีเพียงอย่างเดียวคือ ขยัน ต้องไม่หยุดนิ่ง ต้องคอยดายหญ้าทุกวันให้ดินเตียน ต้องตัดเก็บยอดทุกวัน ตอนบ่ายก็ตัด ตกแต่งกิ่งทุกวัน แปลว่าต้องทำงานทั้งวัน ไม่มีวันหยุด เพราะต้องตัดขายทุกวัน จะได้พักก็ช่วงกลางวัน แต่ก็ไม่เหนื่อยอะไร คุณสายยินถือว่าความขยันสำคัญมากสำหรับการเป็นเกษตรกรชะอม แต่สิ่งที่ได้กลับมาคุ้มค่า เพราะมีรายได้เข้ามาทุกวัน ครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา ลูกๆ ไม่ต้องไปทำงานที่อื่น มีความสุขกับชีวิตในทุก ๆ วัน
สำหรับคนที่อยากเข้ามาทำสวนชะอม สิ่งสำคัญคือ ขยัน เพราะต้องทำงานทุกวัน ตลอดทั้งปี และตลาดชะอมยังขาด ยังมีความต้องการชะอมอีก แต่คุณจะมีความสุขกับการได้อยู่บ้าน ได้อยู่กับครอบครัว เป็นนายให้ตัวเอง ซึ่งถ้าใครรักที่จะมีชีวิตที่พอเพียง อย่างเป็นสุข สามารถเข้ามาสู่อาชีพนี้ได้เลย เพราะการปลูกชะอมนั้นง่าย ดูแลน้อย ได้ผลผลิตยาว ต้นหนึ่งเลี้ยงเราได้ 40-50 ปี เลยทีเดียว
เคยทำนา ทำน้อยหน้า กว่าจะมาเป็นชะอม
คุณสายยินทำนา และสวนน้อยหน่ามาก่อน ก่อนที่จะมาปลูกชะอม แต่ช่วงที่ปลูกน้อยหน่านั้น บางครั้งก็มีหนอนรบกวน และได้ผลผลิตมาขายเพียงปีละครั้ง ส่วนชะอมนั้นได้พันธุ์ไร้หนามมา จึงนำมาปลูกเพื่อบริโภคภายในครัวเรือน ภายหลังนำกิ่งมาตอนเพื่อขยายต้นปลูกและนำยอดมาขายให้ภายในชุมชนเพื่อเป็นรายได้เสริมให้ครอบครัว หลังจากเก็บยอดชะอมขาย ปรากฏว่าความต้องการของตลาดเพิ่มมากขึ้น มีรายได้ค่อนข้างแน่นอน มีเงินใช้หมุนเวียนภายในครัวเรือนทุกวัน ประกอบกับการทำนาประสบปัญหาสภาพอากาศและราคา จึงเปลี่ยนมาปลูกชะอมซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้ดีกว่าเมื่อเทียบกันระหว่างปลูกชะอม 3 ไร่ กับปลูกข้าว 10 ไร่ และยังเหนื่อยน้อยกว่าด้วย
ปัจจุบันคุณสายยินมีพื้นที่ปลูกชะอมไร้หนาม 6 ไร่ หรือราวเกือบ 10,000 ต้น และมีแปลงปลูกกล้วยกับไผ่ เพราะต้องนำกาบกล้วยและไม้ไผ่มามัดกำชะอมที่ต้องใช้เกือบทุกวัน
ชะอมที่ปลูก เป็นพันธุ์ไร้หนาม แต่ในความเป็นจริงเป็นพันธุ์ที่มีหนามน้อย ไม่ใช่ไร้หนามซะทีเดียว จะต่างจากพันธุ์ที่มีหนามตรงกลิ่นจะอ่อนกว่าเท่านั้น แต่รสชาติเหมือนกัน แต่ตอนทานชะอมที่ไม่มีหนามอาจจะทานง่ายกว่า และเพราะไม่มีหนามด้านการเก็บจึงเก็บง่ายกว่าด้วย เพราะไม่เจ็บมือ
ด้านการขาย เริ่มแรกคุณสายยินจะส่งให้พ่อค้าที่วิ่งขึ้นรถไฟไปขายกรุงเทพฯ ต่อมาเริ่มมีคนเอารถมารับซื้อที่ไร่ และมามากขึ้นเรื่อยๆ จนแทบไม่พอขาย ทั้งที่ชะอมขายได้ทั้งปี แต่ช่วงหน้าหนาวผลผลิตจะน้อยหน่อยเพราะชะอมชอบหน้าร้อนมากกว่า
นอกจากการปลูกยอดและกิ่งขาย อีกหนึ่งความภูมิใจของคุณป้าสายยินคือ ที่นี่กลายเป็น “ศูนย์เรียนรู้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่” ประจำ ต.ไผ่หลวง เพื่อให้ความรู้เรื่องการปลูกชะอมไร้หนาม ซึ่งคุณสายยินยินดีและเต็มใจให้ข้อมูลตลอดเวลา
ชะอมไร้หนาม...
เมื่อพูดถึงชะอม เราจะนึกถึงชะอมชุบไข่ทอดกับน้ำพริกกะปิ แกงแคไก่ อาหารของคนเหนือ แกงลาวอาหารของคนอีสาน และอีกหลายเมนูที่คนชอบรับประทานจะนึกได้กัน ดังนั้น ชะอมจะเป็นผักพื้นบ้านที่ได้ขึ้นโต๊ะอาหารอยู่บ่อยๆ ตลาดจึงต้องการผักพื้นบ้านที่มีกลิ่นเฉพาะตัวนี้เสมอ คุณสายยินเกษตรกรชะอมไร้หนามเข้าใจความจริงข้อนี้ดี เพราะสามารถเลี้ยงชีพได้อย่างมั่นคงจากการปลูกชะอมและตัดส่งขายในทุก ๆ วัน
ภายในพื้นที่ประมาณ 4-5 ไร่ คุณสายยินจะแบ่งเป็นโซนสำหรับการเก็บเกี่ยว เมื่อเก็บโซนนี้แล้ว วันถัดไปก็ไปเก็บในโซนถัดไป วนไปจนถึงครบรอบตัดตรงนี้ได้อีก ทำให้สามารถเก็บขายได้ทุกวัน รายรับวันนึงประมาณ 400 -500 บาท มีแม่ค้ามารับไปขายที่ตลาดสี่มุมเมือง นอกจากนั้นยังมีตัดกิ่งขาย โดยการซื้อขายผ่านทางไลน์ ที่สวนขายกิ่งละ 8 บาท มีการจัดส่งทางไปรษณีย์ในทุก ๆ วัน ทั้งสองอย่างนี้ถือเป็นรายได้หลักของคุณสายยิน ซึ่งทำให้ชีวิตมั่นคงเลยทีเดียว
การปลูกและดูแลชะอมไม่ใช่เรื่องยากเลยสำหรับคุณสายยิน เพราะชะอมต้องการการดูแลน้อย มีศัตรูพืชรบกวนน้อย ซึ่งมีเพียงหนอนตัวเล็ก ๆ สามารถจัดการได้ การปลูกของคุณสายยินนั้น จะเว้นระยะห่างระหว่างต้น ประมาณ 1 เมตร คูณ 1 เมตร เพื่อให้มันมีการตั้งพุ่มได้พอดี ไม่แย่งแสงกัน พุ่มไม่ชนกัน เพื่อจะตัดเก็บยอดได้ง่าย การรดน้ำก็ดูที่ดินก่อน ว่าดินแห้งมั้ย ส่วนใหญ่จะรด 10 วันครั้งหนึ่ง แต่ช่วงแรก ๆ ที่ปลูกยังไม่เป็นพุ่มรดน้ำวันเว้นวัน แต่เมื่อโตเป็นพุ่มแล้ว 10 วันรดน้ำ 1 ครั้งก็เพียงพอ โดยตั้งระบบสปริงเกอร์ไว้ นอกจากนั้น ก็ช่วยพรวนดินให้เขา
ชะอมเป็นพืชชอบแสง ถ้าอยู่กลางแจ้งยอดจะใหญ่ ถ้าอยู่ในร่มยอดจะเรียวนิดนึง แต่ก็มียอดให้ตลอด ชะอมที่คุณสายยินปลูก ถือเป็นพันธุ์ที่มีหนามบ้าง จุดเด่นก็คือยอดของเขาจะมีหนามน้อย หรือแทบจะไม่มีเลย จึงทำให้เก็บง่าย ไม่ต้องใส่ถุงมือเก็บ และทรงพุ่มจะกว้าง ยอดจะอวบ
เวลาที่สามารถตัดขายได้จะเป็นตอนเริ่มตั้งพุ่ม ประมาณ 2 เดือนหลังจากปลูก ยอดจะเริ่มแทงออกและตัดได้ และอยู่ได้ยาว 40-50 ปี ถ้าไม่โดนน้ำท่วมตายซะก่อน เพราะชะอมไม่ชอบน้ำขัง ถ้าน้ำมากใบจะเหลือง ออกยอดช้า
แหล่งอ้างอิงข้อมูล
สายยิน พรมชี
บ้านเลขที่ 32/1
หมู่ที่ 6 ต.ไผ่หลวง
อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร
66110 โทร. 0817400273