"สายยิน พรมชี : ชีวิตไร้ปัญหา ของเกษตรกรผู้ปลูกชะอมไร้หนาม"
13 มิ.ย. 2562
1,645
0
สายยินพรมชี:ชีวิตไร้ปัญหาของเกษตรกรผู้ปลูกชะอมไร้หนาม
"สายยิน พรมชี : ชีวิตไร้ปัญหา ของเกษตรกรผู้ปลูกชะอมไร้หนาม"

จากชีวิตชาวนา และชาวสวนน้อยหน่า ที่เก็บผลผลิตขายได้เพียงปีละช่วงเวลาเดียว คุณสายยินเลือกเปลี่ยนเส้นทางมาปลูกชะอมขาย ทำให้มีรายได้ทุกวัน จากตอนแรกทำนาเป็นหลัก ปลูกชะอมไว้เพียงบริโภคภายในบ้าน มาวันนี้ชะอมเป็นรายได้หลัก การทำนากลายเป็นอาชีพเสริม ชีวิตวันนี้ จึงมีแต่ความสุข สุขจากการมีรายรับทุกวัน มีชีวิตที่ดีขึ้น ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ไม่ต้องไปใช้ชีวิตในเมืองให้วุ่นวาย คุณสายยินดีใจและไม่อายใครเลยที่มีอาชีพเป็นเกษตรกร เพราะการเป็นเกษตรกรชะอมไร้หนามของคุณสายยินนั้น ทำให้คุณสายยินมีทุกสิ่งที่สร้างความสุขให้ในวันนี้

ทำชะอมต้องขยัน
คุณสายยินใช้ชีวิตมาด้วยความพอใจในสิ่งที่มี ที่เป็น เริ่มจากสมัยเด็ก เมื่อเรียนจบ ป.6 ก็ไม่ได้คิดไปเรียนต่อ หรือทำงานที่ไหน ช่วยแม่ทำงานมาตั้งแต่เด็ก เริ่มช่วยแม่ตั้งแต่ทำสวนน้อยหน่า จนเปลี่ยนมาทำสวนชะอม ก็ยังพอใจที่จะอยู่ตรงนี้ ไม่คิดไปทำงานโรงงานหรือที่อื่นใด เพราะพอใจที่จะอยู่ช่วยแม่ทำงานมากกว่า แต่ในสมัยวัยรุ่น ก็ยังช่วยแบบไม่จริงจังอะไรตามวัย มาเริ่มจริงจังตอนมีครอบครัว มีลูก ความรับผิดชอบมันมาเอง ตั้งแต่นั้นก็ตั้งใจทำงานช่วยแม่(ป้าดอกไม้)อย่างจริงจัง เริ่มตัดต้นน้อยหน่าทิ้ง ขยายสวนชะอมเพิ่มมากขึ้น เพราะเห็นโอกาสที่จะทำเงินจากชะอมมากกว่า น้อยหน่าขายได้ปีละหน ชะอมขายได้ทุกวัน จนวันนี้ ชะอมเริ่มเลยพื้นที่ปลูกเข้าไปที่นาข้าว แม้ขนาดนี้ ก็ยังไม่เพียงพอกับที่ตลาดต้องการ แต่คุณสายยินและป้าดอกไม้ ก็พอใจทำเท่าที่กำลังไหว เพราะเพียงเท่านี้ ชีวิตก็อยู่ได้อย่างมีความสุขแล้ว 

หลักคิดและการใช้ชีวิตของคุณสายยินนั้นมีเพียงอย่างเดียวคือ ขยัน ต้องไม่หยุดนิ่ง ต้องคอยดายหญ้าทุกวันให้ดินเตียน ต้องตัดเก็บยอดทุกวัน ตอนบ่ายก็ตัด ตกแต่งกิ่งทุกวัน แปลว่าต้องทำงานทั้งวัน ไม่มีวันหยุด เพราะต้องตัดขายทุกวัน จะได้พักก็ช่วงกลางวัน แต่ก็ไม่เหนื่อยอะไร คุณสายยินถือว่าความขยันสำคัญมากสำหรับการเป็นเกษตรกรชะอม แต่สิ่งที่ได้กลับมาคุ้มค่า เพราะมีรายได้เข้ามาทุกวัน ครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา ลูกๆ ไม่ต้องไปทำงานที่อื่น มีความสุขกับชีวิตในทุก ๆ วัน

สำหรับคนที่อยากเข้ามาทำสวนชะอม สิ่งสำคัญคือ ขยัน เพราะต้องทำงานทุกวัน ตลอดทั้งปี และตลาดชะอมยังขาด ยังมีความต้องการชะอมอีก แต่คุณจะมีความสุขกับการได้อยู่บ้าน ได้อยู่กับครอบครัว เป็นนายให้ตัวเอง ซึ่งถ้าใครรักที่จะมีชีวิตที่พอเพียง อย่างเป็นสุข สามารถเข้ามาสู่อาชีพนี้ได้เลย เพราะการปลูกชะอมนั้นง่าย ดูแลน้อย ได้ผลผลิตยาว ต้นหนึ่งเลี้ยงเราได้ 40-50 ปี เลยทีเดียว

ชะอมทำให้เพื่อนบ้านในชุมชนมีงานทำด้วย

เคยทำนา ทำน้อยหน้า กว่าจะมาเป็นชะอม 
คุณสายยินทำนา และสวนน้อยหน่ามาก่อน ก่อนที่จะมาปลูกชะอม แต่ช่วงที่ปลูกน้อยหน่านั้น บางครั้งก็มีหนอนรบกวน และได้ผลผลิตมาขายเพียงปีละครั้ง ส่วนชะอมนั้นได้พันธุ์ไร้หนามมา จึงนำมาปลูกเพื่อบริโภคภายในครัวเรือน ภายหลังนำกิ่งมาตอนเพื่อขยายต้นปลูกและนำยอดมาขายให้ภายในชุมชนเพื่อเป็นรายได้เสริมให้ครอบครัว หลังจากเก็บยอดชะอมขาย ปรากฏว่าความต้องการของตลาดเพิ่มมากขึ้น มีรายได้ค่อนข้างแน่นอน มีเงินใช้หมุนเวียนภายในครัวเรือนทุกวัน ประกอบกับการทำนาประสบปัญหาสภาพอากาศและราคา จึงเปลี่ยนมาปลูกชะอมซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้ดีกว่าเมื่อเทียบกันระหว่างปลูกชะอม 3 ไร่ กับปลูกข้าว 10 ไร่ และยังเหนื่อยน้อยกว่าด้วย

ปัจจุบันคุณสายยินมีพื้นที่ปลูกชะอมไร้หนาม 6 ไร่ หรือราวเกือบ 10,000 ต้น และมีแปลงปลูกกล้วยกับไผ่ เพราะต้องนำกาบกล้วยและไม้ไผ่มามัดกำชะอมที่ต้องใช้เกือบทุกวัน

ชะอมที่ปลูก เป็นพันธุ์ไร้หนาม แต่ในความเป็นจริงเป็นพันธุ์ที่มีหนามน้อย ไม่ใช่ไร้หนามซะทีเดียว จะต่างจากพันธุ์ที่มีหนามตรงกลิ่นจะอ่อนกว่าเท่านั้น แต่รสชาติเหมือนกัน แต่ตอนทานชะอมที่ไม่มีหนามอาจจะทานง่ายกว่า และเพราะไม่มีหนามด้านการเก็บจึงเก็บง่ายกว่าด้วย เพราะไม่เจ็บมือ

ด้านการขาย เริ่มแรกคุณสายยินจะส่งให้พ่อค้าที่วิ่งขึ้นรถไฟไปขายกรุงเทพฯ ต่อมาเริ่มมีคนเอารถมารับซื้อที่ไร่ และมามากขึ้นเรื่อยๆ จนแทบไม่พอขาย ทั้งที่ชะอมขายได้ทั้งปี แต่ช่วงหน้าหนาวผลผลิตจะน้อยหน่อยเพราะชะอมชอบหน้าร้อนมากกว่า

นอกจากการปลูกยอดและกิ่งขาย อีกหนึ่งความภูมิใจของคุณป้าสายยินคือ ที่นี่กลายเป็น “ศูนย์เรียนรู้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่” ประจำ ต.ไผ่หลวง เพื่อให้ความรู้เรื่องการปลูกชะอมไร้หนาม ซึ่งคุณสายยินยินดีและเต็มใจให้ข้อมูลตลอดเวลา

ชะอมไร้หนาม...
เมื่อพูดถึงชะอม เราจะนึกถึงชะอมชุบไข่ทอดกับน้ำพริกกะปิ แกงแคไก่ อาหารของคนเหนือ แกงลาวอาหารของคนอีสาน และอีกหลายเมนูที่คนชอบรับประทานจะนึกได้กัน ดังนั้น ชะอมจะเป็นผักพื้นบ้านที่ได้ขึ้นโต๊ะอาหารอยู่บ่อยๆ ตลาดจึงต้องการผักพื้นบ้านที่มีกลิ่นเฉพาะตัวนี้เสมอ คุณสายยินเกษตรกรชะอมไร้หนามเข้าใจความจริงข้อนี้ดี เพราะสามารถเลี้ยงชีพได้อย่างมั่นคงจากการปลูกชะอมและตัดส่งขายในทุก ๆ วัน

ชะอมไร้หนาม หนามจะน้อย กลิ่นไม่ฉุน

ภายในพื้นที่ประมาณ 4-5 ไร่ คุณสายยินจะแบ่งเป็นโซนสำหรับการเก็บเกี่ยว เมื่อเก็บโซนนี้แล้ว วันถัดไปก็ไปเก็บในโซนถัดไป วนไปจนถึงครบรอบตัดตรงนี้ได้อีก ทำให้สามารถเก็บขายได้ทุกวัน รายรับวันนึงประมาณ 400 -500 บาท มีแม่ค้ามารับไปขายที่ตลาดสี่มุมเมือง นอกจากนั้นยังมีตัดกิ่งขาย โดยการซื้อขายผ่านทางไลน์ ที่สวนขายกิ่งละ 8 บาท มีการจัดส่งทางไปรษณีย์ในทุก ๆ วัน ทั้งสองอย่างนี้ถือเป็นรายได้หลักของคุณสายยิน ซึ่งทำให้ชีวิตมั่นคงเลยทีเดียว

การปลูกและดูแลชะอมไม่ใช่เรื่องยากเลยสำหรับคุณสายยิน เพราะชะอมต้องการการดูแลน้อย มีศัตรูพืชรบกวนน้อย ซึ่งมีเพียงหนอนตัวเล็ก ๆ สามารถจัดการได้ การปลูกของคุณสายยินนั้น จะเว้นระยะห่างระหว่างต้น ประมาณ 1 เมตร คูณ 1 เมตร เพื่อให้มันมีการตั้งพุ่มได้พอดี ไม่แย่งแสงกัน พุ่มไม่ชนกัน เพื่อจะตัดเก็บยอดได้ง่าย การรดน้ำก็ดูที่ดินก่อน ว่าดินแห้งมั้ย ส่วนใหญ่จะรด 10 วันครั้งหนึ่ง แต่ช่วงแรก ๆ ที่ปลูกยังไม่เป็นพุ่มรดน้ำวันเว้นวัน แต่เมื่อโตเป็นพุ่มแล้ว 10 วันรดน้ำ 1 ครั้งก็เพียงพอ โดยตั้งระบบสปริงเกอร์ไว้ นอกจากนั้น ก็ช่วยพรวนดินให้เขา

ชะอมเป็นพืชชอบแสง ถ้าอยู่กลางแจ้งยอดจะใหญ่ ถ้าอยู่ในร่มยอดจะเรียวนิดนึง แต่ก็มียอดให้ตลอด ชะอมที่คุณสายยินปลูก ถือเป็นพันธุ์ที่มีหนามบ้าง จุดเด่นก็คือยอดของเขาจะมีหนามน้อย หรือแทบจะไม่มีเลย จึงทำให้เก็บง่าย ไม่ต้องใส่ถุงมือเก็บ และทรงพุ่มจะกว้าง ยอดจะอวบ

เวลาที่สามารถตัดขายได้จะเป็นตอนเริ่มตั้งพุ่ม ประมาณ 2 เดือนหลังจากปลูก ยอดจะเริ่มแทงออกและตัดได้ และอยู่ได้ยาว 40-50 ปี ถ้าไม่โดนน้ำท่วมตายซะก่อน เพราะชะอมไม่ชอบน้ำขัง ถ้าน้ำมากใบจะเหลือง ออกยอดช้า

ชะอมเป็นพืชที่ปลูกและดูแลง่าย เก็บได้หลายสิบปี ตลาดต้องการตลอดปี

แหล่งอ้างอิงข้อมูล

สายยิน พรมชี
บ้านเลขที่ 32/1 
หมู่ที่ 6 ต.ไผ่หลวง 
อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร
66110 โทร. 0817400273

ตกลง