วันอังคารที่ 27 พฤษภาคม 2568 เวลา 13.30 น. นางสาวนนทิชา วรรณสว่าง ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เขตตรวจราชการที่ 14 ลงพื้นที่ตรวจติดตามการบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาการนำเข้าและส่งออกสินค้าเกษตรที่ผิดกฎหมาย ณ จุดผ่านแดนถาวรช่องเม็ก อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งมีหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ดำเนินการเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการนำเข้าและส่งออกสินค้าเกษตรที่ผิดกฎหมาย จำนวน 3 หน่วยงาน ได้แก่ ด่านตรวจพืชช่องเม็ก ด่านตรวจประมงอุบลราชธานี ด่านกักกันสัตว์อุบลราชธานี โดยมีผลการดำเนินงานดังนี้
1. ด่านตรวจพืชช่องเม็ก ผลการดำเนินงานตรวจสินค้านำเข้า-ส่งออก ณ จุดผ่านแดนถาวรช่องเม็กและบ้านปากแซง ตั้งแต่ ต.ค 2567 - เม.ย. 2568 มีสินค้านำเข้า จำนวน 4,381 ชิปเม้นท์ ปริมาณ 1,654,626 ตัน มูลค่า 10,753.08 ล้านบาท สินค้าส่งออก จำนวน 20 ชิปเม้นท์ ปริมาณ 1,802 ตัน มูลค่า 13.79 ล้านบาท ผลการดำเนินงาน ตรวจเฝ้าระวังการลักลอบนำเข้าสินค้าตามแนวชายแดน จุดผ่อนปรนฯ ช่องอานม้า จำนวน 160 ครั้ง จุดผ่อนปรนฯ ช่องตาอู จำนวน 80 ครั้ง จุดผ่อนปรนฯ โขงเจียม จำนวน 10 ครั้ง จุดผ่อนปรนฯ เขมราฐ จำนวน 8 ครั้ง ยังไม่พบการกระทำความผิด ปัญหาอุปสรรค 1) งบประมาณ ได้รับจัดสรรในวงเงินจำกัด ซึ่งไม่เพียงพอต่อการใช้จ่ายค่าน้ำมันเชื้อเพลิง และค่าที่พัก สำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ไปปฏิบัติงานในเขตพื้นที่รับผิดชอบ 2) ยานพาหนะ พร้อมใช้งานมีจำนวน 1 คัน ซึ่งไม่เพียงพอต่อการใช้งานสำหรับไปปฏิบัติงานในเขตพื้นที่รับผิดชอบ 3) อัตรากำลัง มีจำนวนจำกัด ซึ่งไม่เพียงพอต่อการปฏิบัติงานในเขตพื้นที่รับผิดชอบ 4) ระยะทางจากจุดผ่อนปรนในเขตพื้นที่รับผิดชอบห่างจากที่ตั้งสำนักงานด่านตรวจพืชช่องเม็ก ประมาณ 160 – 180 กิโลเมตร ซึ่งมีความจำเป็นต้องพักค้างคืน เพื่อปฏิบัติงานในวันถัดไป
2. ด่านตรวจประมงอุบลราชธานี มีจำนวนใบอนุญาต/ใบรับรอง ตรวจสอบสัตว์น้ำซากสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์ นำเข้า จำนวน 128 ครั้ง ตรวจสอบสัตว์น้ำซากสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์ ส่งออก จำนวน 1,069 ครั้ง ตรวจสอบปัจจัยการผลิต จำนวน 76 ครั้ง ยังไม่พบการกระทำความผิด ปัญหาอุปสรรค 1) ด้วยลักษณะพื้นที่ด่านพรมแดนถาวรช่องเม็ก เป็นด่านทางบกสินค้าที่นำเข้าส่งออกมีทั้งมากับรถยนต์ รถบรรทุกและล้อรถเข็นซึ่งมีการขนส่งสินค้าทั้งวันตลอดช่วงเวลาเปิด-ปิดด่านฯ ทำให้ยากต่อการตรวจสอบและควบคุม 2) พื้นที่ปฏิบัติงานตลอดแนวพรมแดนของประเทศ สปป.ลาว และกัมพูชาเป็นพรมแดนทางบกและทางน้ำ มีระยะทางยาว 428 กิโลเมตร มีพื้นที่รับผิดชอบ 8 จุด สินค้ามีการนำเข้าส่งออกหลักๆ 3 จุด ซึ่งแต่ละจุดอยู่ห่างไกลจากที่ตั้งสำนักงาน ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการออกไปปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ 3) มีการนำสินค้าสัตว์น้ำตามฤดูกาล เข้ามาทางด่านพรมแดนถาวรช่องเม็กและจุดผ่อนปรนทางการค้าอื่นๆ พ่อค้าแม่ค้าที่มารับซื้อสินค้าต่อเพื่อกระจายไปขายในพื้นที่จังหวัดอื่นๆ ไม่ทราบถึงกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง 4) ข้อจำกัดในด้านงบประมาณที่ได้รับจัดสรรและจำนวนบุคลากรที่มีอยู่ จำนวน 4 ท่าน ไม่สอดคล้องกับปริมาณงานและพื้นที่ปฏิบัติงานที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของด่านฯ
3. ด่านกักกันสัตว์อุบลราชธานี ผลการดำเนินงาน
3.1 ตรวจสอบห้องเย็นในพื้นที่ แผนการตรวจ จำนวน 55 แห่ง ผลการตรวจ 31 แห่ง ไม่พบการกระทำความผิด
3.2 กำกับดูแลควบคุมการเคลื่อนย้ายสัตว์ ซากสัตว์ ตรวจสอบเอกสารใบอนุญาตนำเข้า – ส่งออก สินค้าปศุสัตว์ ไม่พบการกระทำความผิด
3.3 บูรณาการร่วมกับด่านตรวจประมง, ด่านตรวจพืช, กองกำลังสุรนารี ,เจ้าหน้าที่ด่านศุลกากร, ตรวจสอบตรวจค้นยานพาหนะข้ามแดน รถโดยสารประจำทางระหว่างประเทศขาเข้า และสัมภาระบุคคล บริเวณ ด่านพรมแดนถาวรช่องเม็ก ระหว่างวันที่ 1๙ เมษายน 2568 ถึง ๒๐ พฤษภาคม 2568 ตรวจยึดซากสัตว์ที่ซุกซ่อนมากับสัมภาระผู้โดยสารขาเข้า ดังนี้ 1) ซากสุกรชำแหละ จำนวน ๖ กก. 2) ไส้กรอกสุกร จำนวน 9.5 กก. 3) แหนมสุกร จำนวน 1๑3 ห่อ 4) หนังกระบือตากแห้ง จำนวน 19.5 กก. 5) เนื้อโคตากแห้ง จำนวน 3 กก. 6) ซากไก่ชำแหละ จำนวน 15 กก. 7) ซากเป็ดชำแหละ จำนวน 5.5 กก. 8) กุนเชียงสุกร จำนวน 1 กก. 9) ไข่เป็ด จำนวน 84 ฟอง ซากสัตว์ดังกล่าว ดำเนินการฝังทำลายตามระเบียบกรมปศุสัตว์
3.4 จัดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานตรวจสอบการลักลอบนำเข้า-ส่ออกสินค้าเกษตรผิดกฎหมาย ประจำจุด ดังนี้
1) จุดผ่อนปรนช่องอานม้า อ.น้ำยืน ไม่พบการกระทำผิด 2) จุดผ่อนปรนช่องตาอู อ.บุณฑริก ไม่พบการกระทำผิด 3) จุดผ่านแดนถาวรบ้านปากแซง อ.นาตาล ตรวจยึดซากสัตว์ที่ซุกซ่อนมากับสัมภาระผู้โดยสารขาเข้า (ข้อมูล 19 เมษายน ถึง 20 พฤษภาคม 2568) ดังนี้ 1) เนื้อโคตากแห้ง จำนวน 0.5 กก. 2)ไข่เป็ด จำนวน 10 ห่อ 3) หนังกระบือตากแห้ง จำนวน 0.5 กก. ซากสัตว์ดังกล่าว ดำเนินการฝังทำลายตามระเบียบกรมปศุสัตว์
3.5 ประสานความร่วมมือในการป้องกันป้องกันการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรผิดกฎหมายกับหน่วยงานความมั่นคงตามแนวชายแดน ไม่พบการกระทำผิด
ทั้งนี้ นางสาวนนทิชา วรรณสว่าง ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เขตตรวจราชการที่ 14 ได้ให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะดังนี้
1. มอบหมายให้เกษตรและสหกรณ์จังหวัด เชิญเจ้าหน้าที่จาก ด่านตรวจพืช ด่านตรวจประมง ด่านกักกันสัตว์ มาบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับการนำเข้าส่งออกสินค้าเกษตร ให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทราบ ซึ่งอาจใช้เวลาประมาณครั้งละ 1 ชั่วโมง ในช่วงการประชุมหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จังหวัด
2. การจัดทำแผนพัฒนารายสินค้า ของแต่ละชนิดสินค้าเกษตร ทั้งด้านพืช ประมง ปศุสัตว์ ขอให้นำเครื่องมือ Roi มาใช้เนื่องจาก Roi เป็นเครื่องมือในการคำนวณผลตอบแทนจากการลงทุน จะสามารถวิเคราะห์ได้ว่าชนิดสินค้าไหนควรที่จะส่งเสริมและให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า
3. ขอให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้อมูลด้านการเกษตรของแต่ละหน่วยงานกันมากขึ้น เจ้าหน้าที่ทุกคนต้องมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และข้อมูลพื้นฐานด้านการเกษตรในจังหวัด เพื่อใช้ในการปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ
4. ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกคนในการปฏิบัติงาน และขอให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งใจยึดถือกฎระเบียบในการปฏิบัติงานอย่างเคร่งครัด